ทำเนียบรัฐบาล--28 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบการกำหนดมาตรการในการป้องกันและควบคุมดูแล การเก็บรักษา และการใช้วัตถุเคมีชนิดยุทธภัณฑ์ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการป้องกันควบคุมการเก็บรักษาและการใช้สารโปตัสเซียมคลอเรท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. ด้านการประสานงาน
เมื่อกระทรวงกลาโหมได้ออกใบอนุญาตสั่งหรือให้มีซึ่งยุทธภัณฑ์ ตามมาตรา 15 ให้แก่บุคคลใด ขอให้แจ้งผลการอนุญาตและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงมหาดไทยทราบ เพื่อจักได้ประสานงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้วแต่กรณี ที่มีผู้รับใบอนุญาตผลิตหรือมีสถานที่เก็บยุทธภัณฑ์ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ควบคุม เกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย การผลิต หรือการเก็บยุทธภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยได้อย่างใกล้ชิด อันเป็นการป้องกันอันตราย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแก่บุคคลสัตว์ พืช หรือทรัพย์สินตลอดจนเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่
2. ด้านการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ขอให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาแต่งตั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และสารวัตรเกษตร ในส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ (ตามมาตรา 5 พ.ร.บ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530) เพื่อมีส่วนในการสนับสนุนช่วยเหลือกระทรวงกลาโหม
3. ด้านการประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจแก่เกษตรกร
เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนลำไยหันมานิยมใช้สารโปตัสเซียมคลอเรทนำมาเป็นสารเพื่อเร่งผลผลิตเป็นจำนวนมากทำให้มีบริษัทเอกชนขออนุญาตมีสารโปตัสเซียมคลอเรทเพื่อจำหน่ายเป็นปริมาณมาก และมีการลักลอบนำเข้าสารดังกล่าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย หากการจัดเก็บซึ่งไม่ถูกต้องหรือเก็บในสถานที่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จึงต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจแก่พี่น้องเกษตรกรให้ทราบถึงคุณและโทษของสารโปตัสเซียมคลอเรท โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมประชาสัมพันธ์
4. ด้านการป้องกันและปราบปราม
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าวัตถุเคมีอันตรายชนิดยุทธภัณฑ์ตลอดจนตรวจยึดวัตถุเคมีดังกล่าวที่ผู้ครอบครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 และดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดโดยเฉียบขาด
อนึ่ง กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมการปกครอง ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2542 แจ้งข้อมูลใบอนุญาตมีโปตัสเซียมคลอเรทที่กระทรวงกลาโหมได้อนุญาตให้แก่เอกชน จำนวน116 ราย (ข้อมูลเดิม 29 จังหวัด มีข้อผิดพลาด) ในพื้นที่ 28 จังหวัด ให้จังหวัดและกรุงเทพมหานครดำเนินการตรวจสอบแล้ว สรุปผลการตรวจสอบได้ ดังนี้
1. ได้รับรายงานจาก 28 จังหวัด ตรวจสอบสถานที่เก็บตามที่ผู้ได้รับอนุญาตให้มีสารโปตัสเซียมคลอเรท ตามใบอนุญาตของกระทรวงกลาโหม จำนวน 112 ราย พบว่า ถูกต้องตามใบอนุญาต จำนวน 108 ราย ไม่ถูกต้อง 2 ราย ไม่สามารถตรวจสอบได้ จำนวน 2 ราย
2. อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จำนวน 4 ราย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กันยายน 2542--
คณะรัฐมนตรีรับทราบการกำหนดมาตรการในการป้องกันและควบคุมดูแล การเก็บรักษา และการใช้วัตถุเคมีชนิดยุทธภัณฑ์ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการป้องกันควบคุมการเก็บรักษาและการใช้สารโปตัสเซียมคลอเรท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. ด้านการประสานงาน
เมื่อกระทรวงกลาโหมได้ออกใบอนุญาตสั่งหรือให้มีซึ่งยุทธภัณฑ์ ตามมาตรา 15 ให้แก่บุคคลใด ขอให้แจ้งผลการอนุญาตและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงมหาดไทยทราบ เพื่อจักได้ประสานงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้วแต่กรณี ที่มีผู้รับใบอนุญาตผลิตหรือมีสถานที่เก็บยุทธภัณฑ์ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ควบคุม เกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย การผลิต หรือการเก็บยุทธภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยได้อย่างใกล้ชิด อันเป็นการป้องกันอันตราย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแก่บุคคลสัตว์ พืช หรือทรัพย์สินตลอดจนเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่
2. ด้านการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ขอให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาแต่งตั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และสารวัตรเกษตร ในส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ (ตามมาตรา 5 พ.ร.บ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530) เพื่อมีส่วนในการสนับสนุนช่วยเหลือกระทรวงกลาโหม
3. ด้านการประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจแก่เกษตรกร
เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนลำไยหันมานิยมใช้สารโปตัสเซียมคลอเรทนำมาเป็นสารเพื่อเร่งผลผลิตเป็นจำนวนมากทำให้มีบริษัทเอกชนขออนุญาตมีสารโปตัสเซียมคลอเรทเพื่อจำหน่ายเป็นปริมาณมาก และมีการลักลอบนำเข้าสารดังกล่าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย หากการจัดเก็บซึ่งไม่ถูกต้องหรือเก็บในสถานที่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จึงต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจแก่พี่น้องเกษตรกรให้ทราบถึงคุณและโทษของสารโปตัสเซียมคลอเรท โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมประชาสัมพันธ์
4. ด้านการป้องกันและปราบปราม
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าวัตถุเคมีอันตรายชนิดยุทธภัณฑ์ตลอดจนตรวจยึดวัตถุเคมีดังกล่าวที่ผู้ครอบครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 และดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดโดยเฉียบขาด
อนึ่ง กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมการปกครอง ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2542 แจ้งข้อมูลใบอนุญาตมีโปตัสเซียมคลอเรทที่กระทรวงกลาโหมได้อนุญาตให้แก่เอกชน จำนวน116 ราย (ข้อมูลเดิม 29 จังหวัด มีข้อผิดพลาด) ในพื้นที่ 28 จังหวัด ให้จังหวัดและกรุงเทพมหานครดำเนินการตรวจสอบแล้ว สรุปผลการตรวจสอบได้ ดังนี้
1. ได้รับรายงานจาก 28 จังหวัด ตรวจสอบสถานที่เก็บตามที่ผู้ได้รับอนุญาตให้มีสารโปตัสเซียมคลอเรท ตามใบอนุญาตของกระทรวงกลาโหม จำนวน 112 ราย พบว่า ถูกต้องตามใบอนุญาต จำนวน 108 ราย ไม่ถูกต้อง 2 ราย ไม่สามารถตรวจสอบได้ จำนวน 2 ราย
2. อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จำนวน 4 ราย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กันยายน 2542--