ทำเนียบรัฐบาล--20 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบแผนงานและมาตรการขยายบริการสินเชื่อการ
เกษตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อให้การดำเนินงานขยายบริการสินเชื่อการเกษตรของรัฐบาลได้ผล
ตามเป้าหมายทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อเกษตรกรซึ่งยังมีฐานะยากจน
และด้อยโอกาสดังนี้
1. การขยายบริการสินเชื่อ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)มีแผนบริการสินเชื่อการเกษตร
ในปีบัญชี 2539 - 2542 โดยมีรายละเอียดแต่ละปีดังนี้
แผนการขยายสินเชื่อ ธ.ก.ส. ในปีบัญชี 2540 - 2542
(หน่วย :ล้านบาท)
2539 2540 2541 2542
1. การจ่ายเงินกู้รวม 130,283 151,650 169,300 196,400
2. การรับชำระหนี้รวม 96,554 114,000 133,300 156,000
3. จ่ายเงินกู้สูงกว่ารับชำระหนี้รวม 33,729 37,650 36,000 40,400
1. - 2.
4. ชำระคืนแหล่งเงินทุน 2,600 5,500 4,000 7,500
5. ความต้องการเงินทุน 3. + 4. 36,329 43,150 40,000 47,900
6. แหล่งที่มาของเงินทุน
6.1 เงินเพิ่มทุนจากงบประมาณ 1,300 2,000 2,000 2,000
6.2 เงินฝาก 17,000 21,000 26,000 32,500
6.3 เงินกู้ต่างประเทศ 5,400 1,600 1,000 1,000
6.4 เงินกู้ในประเทศ 12,629 18,550 11,000 12,400
หมายเหตุ ปีบัญชีของ ธ.ก.ส. เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน - 31 มีนาคม
ปีบัญชี 2539 เป็นข้อมูลจริง 6 เดือน ประมาณการ 6 เดือน
ในปัจจุบัน ธ.ก.ส.ได้ให้บริการสินเชื่อแก่เกษตรกรรวมทั้งสิ้นกว่า 4.6 ล้านราย(จากจำนวน
ครัวเรือนเกษตรกรในประเทศทั้งสิ้น 5.6 ล้านราย) ประกอบด้วยสินเชื่อให้ครัวเรือนเกษตรกรโดยตรง
3.3 ล้านรายและสินเชื่อผ่านสหกรณ์การเกษตรประมาณ 1.3 ล้านราย ซึ่งถือได้ว่าครัวเรือนเกษตรกรกว่า
ร้อยละ 82 ได้รับบริการสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. แล้วการขยายบริการต่อไปในอนาคต จึงจะต้องให้ความ
สำคัญต่อวงเงินและคุณภาพของสินเชื่อมากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวคือ
1. ธ.ก.ส. ควรได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณตามโครงการเพิ่มทุนปีละ 2,000 ล้าน
บาท ในปีงบประมาณ 2541 - 2543 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ความเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539
2. ธ.ก.ส. ต้องสามารถระดมเงินฝากและเงินกู้อีกประมาณปีละ 38,000 ล้านบาท ถึง
46,000 ล้านบาทซึ่งจะต้องเสียดอกเบี้ยจ่ายในอัตราตลาด
3. ธ.ก.ส.จะต้องสามารถกู้เงินโดยกระทรวงการคลังค้ำประกันในอัตราส่วนที่สูงกว่าเงิน
กองทุนได้ไม่น้อยกว่า 8 เท่า ซึ่งจำเป็นจะต้องแก้ไขกฎหมายของ ธ.ก.ส. ต่อไป
4. ธ.ก.ส. จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารงานโดยเน้นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่
พนักงาน การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการตรวจสอบภายใน
ฉะนั้น ธ.ก.ส. จะต้องสามารถหารายได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมจึงจะมีฐานะการเงิน
มั่นคง และได้รับความเชื่อถือจากผู้ฝากเงินและผู้ให้กู้ และ ธ.ก.ส. จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญต่อการ
อำนวยบริการสินเชื่อในปริมาณที่เพียงพอ มากกว่าการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุนเว้นแต่จะเป็น
โครงการอุดหนุนของรัฐบาล
2. การสนับสนุนด้านเงินฝากของรัฐบาล
เพื่อให้ ธ.ก.ส. ได้รับการสนับสนุนในด้านเงินฝากเห็นสมควรให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่
รับผิดชอบควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณประเภทกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนเฉพาะที่มี
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเกษตรและพัฒนาชนบท รวมทั้งเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)และ
เงินงบประมาณพัฒนาตำบลและเงินขององค์การบริหารส่วนตำบล นำเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาฝาก
ไว้กับ ธ.ก.ส.ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดในท้องถิ่นที่มีสาขาของธ.ก.ส. ในบัญชีเงินฝากประเภทที่
ผู้ฝากเห็นสมควร ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2540 เป็นต้นไป
สำหรับเงินฝากของ ธ.ก.ส. นั้นขอความร่วมมือให้ฝากในประเภทออมทรัพย์ด้วยเพื่อสนับสนุน
การอำนวยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธ.ก.ส.
ข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นนี้ ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์
ซึ่งเป็นส่วนราชการเจ้าสังกัดแล้ว
3. การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของเกษตรกร
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำสำมะโนครัวการเกษตรปี 2536และประมวลหนี้สินนอก
ระบบของเกษตรกรในประเทศ ปรากฏว่า
หนี้นอกระบบของเกษตรกร 13,646 ล้านบาท
หนี้นอกระบบที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน (ประมาณ 1 ใน 3) 4,580 ล้านบาท
รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบใน
วงเงิน 2,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือให้ไถ่ถอนที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกันหนี้นอกระบบถึงวันที่ 30
พฤศจิกายน 2539 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,689.62 ล้านบาท แยกเป็นเกษตรกรรายคน 10,767 ราย เป็นเงิน
1,296.7 ล้านบาทและผ่านสถาบันเกษตรกร 77 สถาบันเป็นเงิน 392.9 ล้านบาท และคาด
ว่าจะใช้วงเงินช่วยหลือครบ 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมายภายในปีบัญชี 2539 หรือภายใน 31 มีนาคม
2540 นี้
ในขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนให้สำนักนายกรัฐมนตรีอีก 2 เงินทุนเพื่อ
แก้ไขหนี้สินนอกระบบอีกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,475 ล้านบาทและได้มีการจ่ายเงินกู้ตามโครงการนี้ไปแล้ว
จนถึงปัจจุบันให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจน 4,961 ราย เป็นเงิน 735 ล้านบาท ยังมีวงเงินเหลืออยู่
ประมาณ 730 ล้านบาท
เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้ได้ผลตามเป้าหมายกระทรวงการคลังเห็นควรเพิ่มวงเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือหนี้สินนอกระบบให้ ธ.ก.ส. อีก 2,000 ล้านบาทโดยจะดำเนินการให้แก่เกษตรกรโดยตรง
และผ่านสถาบันเกษตร ทั้งนี้ โดยให้ธ.ก.ส.ได้รับการชดเชยในด้านอัตราดอกเบี้ยในหลักเกณฑ์เดียวกับที่
เคยปฏิบัติมาแล้วตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2537
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจได้พิจารณาแล้วให้ความเห็นชอบแนวทางตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถเพิ่มปริมาณสินเชื่อได้จากประมาณ130,000 ล้านบาท ในปีบัญชี
2539 เป็นประมาณ 196,400 ล้านบาท ในปีบัญชี 2542 หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20
ต่อปี รวม 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ให้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มทุนให้ ธ.ก.ส.เพื่อขยายบริการสินเชื่อการเกษตรปีละ
2,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2541 ถึง 2543
2. ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการและสนับสนุนให้ส่วนราชการใน
สังกัดฝากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกองทุน ที่เกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและเกี่ยวกับการพัฒนา
ท้องถิ่นชนบทกับ ธ.ก.ส. ตามหลักเกณฑ์ที่เสนอในข้อ 2. ดังกล่าวข้างต้น
3. ให้ ธ.ก.ส. เพิ่มวงเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบได้อีก2,000 ล้านบาท ตาม
หลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 20 มกราคม 2540--
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบแผนงานและมาตรการขยายบริการสินเชื่อการ
เกษตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อให้การดำเนินงานขยายบริการสินเชื่อการเกษตรของรัฐบาลได้ผล
ตามเป้าหมายทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อเกษตรกรซึ่งยังมีฐานะยากจน
และด้อยโอกาสดังนี้
1. การขยายบริการสินเชื่อ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)มีแผนบริการสินเชื่อการเกษตร
ในปีบัญชี 2539 - 2542 โดยมีรายละเอียดแต่ละปีดังนี้
แผนการขยายสินเชื่อ ธ.ก.ส. ในปีบัญชี 2540 - 2542
(หน่วย :ล้านบาท)
2539 2540 2541 2542
1. การจ่ายเงินกู้รวม 130,283 151,650 169,300 196,400
2. การรับชำระหนี้รวม 96,554 114,000 133,300 156,000
3. จ่ายเงินกู้สูงกว่ารับชำระหนี้รวม 33,729 37,650 36,000 40,400
1. - 2.
4. ชำระคืนแหล่งเงินทุน 2,600 5,500 4,000 7,500
5. ความต้องการเงินทุน 3. + 4. 36,329 43,150 40,000 47,900
6. แหล่งที่มาของเงินทุน
6.1 เงินเพิ่มทุนจากงบประมาณ 1,300 2,000 2,000 2,000
6.2 เงินฝาก 17,000 21,000 26,000 32,500
6.3 เงินกู้ต่างประเทศ 5,400 1,600 1,000 1,000
6.4 เงินกู้ในประเทศ 12,629 18,550 11,000 12,400
หมายเหตุ ปีบัญชีของ ธ.ก.ส. เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน - 31 มีนาคม
ปีบัญชี 2539 เป็นข้อมูลจริง 6 เดือน ประมาณการ 6 เดือน
ในปัจจุบัน ธ.ก.ส.ได้ให้บริการสินเชื่อแก่เกษตรกรรวมทั้งสิ้นกว่า 4.6 ล้านราย(จากจำนวน
ครัวเรือนเกษตรกรในประเทศทั้งสิ้น 5.6 ล้านราย) ประกอบด้วยสินเชื่อให้ครัวเรือนเกษตรกรโดยตรง
3.3 ล้านรายและสินเชื่อผ่านสหกรณ์การเกษตรประมาณ 1.3 ล้านราย ซึ่งถือได้ว่าครัวเรือนเกษตรกรกว่า
ร้อยละ 82 ได้รับบริการสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. แล้วการขยายบริการต่อไปในอนาคต จึงจะต้องให้ความ
สำคัญต่อวงเงินและคุณภาพของสินเชื่อมากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวคือ
1. ธ.ก.ส. ควรได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณตามโครงการเพิ่มทุนปีละ 2,000 ล้าน
บาท ในปีงบประมาณ 2541 - 2543 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ความเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539
2. ธ.ก.ส. ต้องสามารถระดมเงินฝากและเงินกู้อีกประมาณปีละ 38,000 ล้านบาท ถึง
46,000 ล้านบาทซึ่งจะต้องเสียดอกเบี้ยจ่ายในอัตราตลาด
3. ธ.ก.ส.จะต้องสามารถกู้เงินโดยกระทรวงการคลังค้ำประกันในอัตราส่วนที่สูงกว่าเงิน
กองทุนได้ไม่น้อยกว่า 8 เท่า ซึ่งจำเป็นจะต้องแก้ไขกฎหมายของ ธ.ก.ส. ต่อไป
4. ธ.ก.ส. จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารงานโดยเน้นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่
พนักงาน การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการตรวจสอบภายใน
ฉะนั้น ธ.ก.ส. จะต้องสามารถหารายได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมจึงจะมีฐานะการเงิน
มั่นคง และได้รับความเชื่อถือจากผู้ฝากเงินและผู้ให้กู้ และ ธ.ก.ส. จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญต่อการ
อำนวยบริการสินเชื่อในปริมาณที่เพียงพอ มากกว่าการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุนเว้นแต่จะเป็น
โครงการอุดหนุนของรัฐบาล
2. การสนับสนุนด้านเงินฝากของรัฐบาล
เพื่อให้ ธ.ก.ส. ได้รับการสนับสนุนในด้านเงินฝากเห็นสมควรให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่
รับผิดชอบควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณประเภทกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนเฉพาะที่มี
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเกษตรและพัฒนาชนบท รวมทั้งเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)และ
เงินงบประมาณพัฒนาตำบลและเงินขององค์การบริหารส่วนตำบล นำเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาฝาก
ไว้กับ ธ.ก.ส.ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดในท้องถิ่นที่มีสาขาของธ.ก.ส. ในบัญชีเงินฝากประเภทที่
ผู้ฝากเห็นสมควร ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2540 เป็นต้นไป
สำหรับเงินฝากของ ธ.ก.ส. นั้นขอความร่วมมือให้ฝากในประเภทออมทรัพย์ด้วยเพื่อสนับสนุน
การอำนวยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธ.ก.ส.
ข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นนี้ ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์
ซึ่งเป็นส่วนราชการเจ้าสังกัดแล้ว
3. การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของเกษตรกร
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำสำมะโนครัวการเกษตรปี 2536และประมวลหนี้สินนอก
ระบบของเกษตรกรในประเทศ ปรากฏว่า
หนี้นอกระบบของเกษตรกร 13,646 ล้านบาท
หนี้นอกระบบที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน (ประมาณ 1 ใน 3) 4,580 ล้านบาท
รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบใน
วงเงิน 2,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือให้ไถ่ถอนที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกันหนี้นอกระบบถึงวันที่ 30
พฤศจิกายน 2539 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,689.62 ล้านบาท แยกเป็นเกษตรกรรายคน 10,767 ราย เป็นเงิน
1,296.7 ล้านบาทและผ่านสถาบันเกษตรกร 77 สถาบันเป็นเงิน 392.9 ล้านบาท และคาด
ว่าจะใช้วงเงินช่วยหลือครบ 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมายภายในปีบัญชี 2539 หรือภายใน 31 มีนาคม
2540 นี้
ในขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนให้สำนักนายกรัฐมนตรีอีก 2 เงินทุนเพื่อ
แก้ไขหนี้สินนอกระบบอีกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,475 ล้านบาทและได้มีการจ่ายเงินกู้ตามโครงการนี้ไปแล้ว
จนถึงปัจจุบันให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจน 4,961 ราย เป็นเงิน 735 ล้านบาท ยังมีวงเงินเหลืออยู่
ประมาณ 730 ล้านบาท
เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้ได้ผลตามเป้าหมายกระทรวงการคลังเห็นควรเพิ่มวงเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือหนี้สินนอกระบบให้ ธ.ก.ส. อีก 2,000 ล้านบาทโดยจะดำเนินการให้แก่เกษตรกรโดยตรง
และผ่านสถาบันเกษตร ทั้งนี้ โดยให้ธ.ก.ส.ได้รับการชดเชยในด้านอัตราดอกเบี้ยในหลักเกณฑ์เดียวกับที่
เคยปฏิบัติมาแล้วตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2537
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจได้พิจารณาแล้วให้ความเห็นชอบแนวทางตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถเพิ่มปริมาณสินเชื่อได้จากประมาณ130,000 ล้านบาท ในปีบัญชี
2539 เป็นประมาณ 196,400 ล้านบาท ในปีบัญชี 2542 หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20
ต่อปี รวม 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ให้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มทุนให้ ธ.ก.ส.เพื่อขยายบริการสินเชื่อการเกษตรปีละ
2,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2541 ถึง 2543
2. ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการและสนับสนุนให้ส่วนราชการใน
สังกัดฝากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกองทุน ที่เกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและเกี่ยวกับการพัฒนา
ท้องถิ่นชนบทกับ ธ.ก.ส. ตามหลักเกณฑ์ที่เสนอในข้อ 2. ดังกล่าวข้างต้น
3. ให้ ธ.ก.ส. เพิ่มวงเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบได้อีก2,000 ล้านบาท ตาม
หลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 20 มกราคม 2540--