ทำเนียบรัฐบาล--1 เม.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตัวกลางเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ และกฎหมายอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มาร่วมพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ในพระราชบัญญัตินี้ ถ้าข้อความมิได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
"สินทรัพย์" หมายความว่า สิทธิเรียกร้องหรือสิทธิใด ๆ ที่ก่อให้เกิดกระแสรายรับในอนาคต ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
"หลักทรัพย์" หมายความว่า หุ้นกู้ หน่วยลงทุน หรือตราสารอื่นใด ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
"ตัวกลางเฉพาะกิจ" หมายความว่า ตัวกลางที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้
"การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์" หมายความว่า การซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์จากผู้จำหน่ายสินทรัพย์โดยเงินที่นำมาซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ดังกล่าวได้มาจากการออกหลักทรัพย์จำหน่ายแก่ผู้ลงทุน และมีการให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหลักทรัพย์ โดยผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดจากสินทรัพย์ที่ซื้อหรือรับโอนมานั้นเป็นสำคัญ
2. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย และให้มีอำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้
3. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และตามนโยบายของคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวมทั้งรับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้
4. บุคคลใดดังต่อไปนี้จะเป็นตัวกลางเฉพาะกิจได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.
4.1 บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีวัตถุประสงค์ระบุประเภทธุรกิจไว้เฉพาะที่เกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์
4.2 กองทุนรวมโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในฐานะเป็นผู้จัดตั้งผู้จัดการและผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของกองทุนรวมเพื่อการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์
4.3 กองทรัพย์สินโดยผู้จัดการกองทรัพย์สินที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
4.4 นิติบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
5. ในกรณีที่ตัวกลางเฉพาะกิจประกอบกิจการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ให้ตัวกลางเฉพาะกิจสามารถประกอบกิจการเช่นนั้นได้ โดยมิให้ถือว่าเป็นการประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วย การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี
6. ในกรณีที่ตัวกลางเฉพาะกิจซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์จากผู้จำหน่ายสินทรัพย์ที่ผู้ก่อให้เกิดสิทธิในสินทรัพย์อาจคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
7. ให้ตัวกลางเฉพาะกิจได้รับความคุ้มครอง โดยไม่ถูกกระทบจากการที่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือล้มละลาย ทั้งนี้ โดยมิให้นำการเพิกถอนการโอนทรัพย์สินตามมาตรา 113 มาตรา 114 และมาตรา 115 แห่งกฎหมายว่าด้วยล้มละลายมาใช้บังคับกับสินทรัพย์ที่ตัวกลางเฉพาะกิจซื้อหรือรับโอนมา
8. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
9. ในกรณีตัวกลางเฉพาะกิจ ผู้จำหน่ายทรัพย์สิน หรือผู้ใด ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งร่างพระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้ มีบทกำหนดโทษตามหมวด 6
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 เมษายน 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตัวกลางเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ และกฎหมายอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มาร่วมพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ในพระราชบัญญัตินี้ ถ้าข้อความมิได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
"สินทรัพย์" หมายความว่า สิทธิเรียกร้องหรือสิทธิใด ๆ ที่ก่อให้เกิดกระแสรายรับในอนาคต ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
"หลักทรัพย์" หมายความว่า หุ้นกู้ หน่วยลงทุน หรือตราสารอื่นใด ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
"ตัวกลางเฉพาะกิจ" หมายความว่า ตัวกลางที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้
"การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์" หมายความว่า การซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์จากผู้จำหน่ายสินทรัพย์โดยเงินที่นำมาซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ดังกล่าวได้มาจากการออกหลักทรัพย์จำหน่ายแก่ผู้ลงทุน และมีการให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหลักทรัพย์ โดยผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดจากสินทรัพย์ที่ซื้อหรือรับโอนมานั้นเป็นสำคัญ
2. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย และให้มีอำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้
3. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และตามนโยบายของคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวมทั้งรับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้
4. บุคคลใดดังต่อไปนี้จะเป็นตัวกลางเฉพาะกิจได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.
4.1 บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีวัตถุประสงค์ระบุประเภทธุรกิจไว้เฉพาะที่เกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์
4.2 กองทุนรวมโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในฐานะเป็นผู้จัดตั้งผู้จัดการและผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของกองทุนรวมเพื่อการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์
4.3 กองทรัพย์สินโดยผู้จัดการกองทรัพย์สินที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
4.4 นิติบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
5. ในกรณีที่ตัวกลางเฉพาะกิจประกอบกิจการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ให้ตัวกลางเฉพาะกิจสามารถประกอบกิจการเช่นนั้นได้ โดยมิให้ถือว่าเป็นการประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วย การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี
6. ในกรณีที่ตัวกลางเฉพาะกิจซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์จากผู้จำหน่ายสินทรัพย์ที่ผู้ก่อให้เกิดสิทธิในสินทรัพย์อาจคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
7. ให้ตัวกลางเฉพาะกิจได้รับความคุ้มครอง โดยไม่ถูกกระทบจากการที่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือล้มละลาย ทั้งนี้ โดยมิให้นำการเพิกถอนการโอนทรัพย์สินตามมาตรา 113 มาตรา 114 และมาตรา 115 แห่งกฎหมายว่าด้วยล้มละลายมาใช้บังคับกับสินทรัพย์ที่ตัวกลางเฉพาะกิจซื้อหรือรับโอนมา
8. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
9. ในกรณีตัวกลางเฉพาะกิจ ผู้จำหน่ายทรัพย์สิน หรือผู้ใด ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งร่างพระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้ มีบทกำหนดโทษตามหมวด 6
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 เมษายน 2540--