เปรียบเทียบร่างรัฐธรรมนูญเดิมกับรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตราที่ 106-108

ข่าวการเมือง Tuesday June 26, 2007 14:44 —สภาร่างรัฐธรรมนูญ

ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดิม) ส่วนที่ ๓ วุฒิสภา มาตรา ๑๐๖ วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคลที่ได้รับการสรรหา ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ และยังมิได้มีการสรรหาขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาเท่าที่มีอยู่ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใด ๆ ทำให้มีสมาชิกวุฒิสภาไม่ครบจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบคนภายในกำหนดเวลาตามมาตรา ๑๐๗ แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ให้ถือว่าวุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนดังกล่าว แต่ต้องมีการสรรหาให้ได้สมาชิกวุฒิสภาครบจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบคนภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา ๑๐๗ ในกรณีนี้ ให้สมาชิกวุฒิสภาผู้ได้รับการสรรหาเข้ามานั้น อยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าอายุของวุฒิสภาที่เหลืออยู่ มาตรา ๑๐๗ ให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมายจำนวนหนึ่งคน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจำนวนหนึ่งคนเป็นกรรมการ ทำหน้าที่สรรหาบุคคลตามมาตรา ๑๐๘ ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา ๑๐๙ แล้วจัดส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในกรณีที่ไม่มีกรรมการในตำแหน่งใด หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ากรรมการที่เหลืออยู่นั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา ๑๐๘ ให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาดำเนินการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา โดยวิธีการดังต่อไปนี้ (๑) ให้สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมจากผู้สมัครเข้ารับการสรรหาในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้บุคคลที่สมควรเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละหนึ่งคน (๒) ให้สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่าง ๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา เพื่อให้ได้บุคคลที่สมควรเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามจำนวนที่เหลืออยู่จนครบจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่จะพึงมี ในการสรรหาบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานของวุฒิสภาเป็นสำคัญ และให้คำนึงถึงองค์ประกอบจากบุคคลที่มีความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ความเท่าเทียมกันทางเพศ รวมทั้งการให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาสทางสังคมด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการสรรหาสมาชิกวุฒิสภารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ส่วนที่ ๓วุฒิสภา มาตรา ๑๒๑ วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งจำนวนสองร้อยคน ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ และยังมิได้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาเท่าที่มีอยู่ มาตรา ๑๒๒ การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งการคำนวณเกณฑ์จำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้คำนวณตามวิธีที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๒ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ โดยอนุโลม มาตรา ๑๒๓ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นได้หนึ่งคน การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ ในกรณีที่จังหวัดใดมีสมาชิกวุฒิสภาได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้คะแนนสูงสุดเรียงตามลำดับจนครบจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่จะพึงมีได้ในจังหวัดนั้น เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา มาตรา ๑๒๔ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๐๕ และมาตรา ๑๐๖ มาใช้บังคับกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาด้วย โดยอนุโลมเหตุผลที่แก้ไข แก้ไขมาตราที่ 106 ๑. แก้ไขจำนวนสมาชิกวุฒิสภาจากเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามหลักเกณฑ์จำนวนสมาชิกวุฒิสภาให้มีจำนวนสองในห้าของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๒. เปลี่ยนวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้งโดยตรงเช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นวิธีการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา โดยเห็นว่าวิธีการสรรหานี้จะได้บุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งวิธีการเลือกตั้งโดยตรงนั้น สมาชิกวุฒิสภาจะต้องอิงกับฐานเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และโดยข้อเท็จจริงทำให้ได้ทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันมาทำหน้าที่ ซึ่งทำให้การปฏิบัติการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาเกิดความไม่โปร่งใสหรืออยู่ภายใต้การครอบงำของพรรคการเมือง โดยที่ภาระหน้าที่ของวุฒิสภาเป็นองค์กรกลั่นกรองร่างกฎหมาย ตรวจสอบการกระทำของฝ่ายการเมือง และคัดเลือกผู้ทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงต้องเป็นผู้เป็นกลางทางการเมืองมีอิสระในการตัดสินใจ และจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องประกอบด้วยบุคคลที่มีความหลากหลายอาชีพและมาจากกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อให้การกลั่นกรองเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีความสมดุลในเหตุผลในการดำเนินการที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ๓. ได้นำหลักการเดียวกันกับกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกรณีที่มีเหตุการณ์ใดทำให้การสรรหาสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกมีจำนวนไม่ถึงร้อยหกสิบคน ยังสามารถเรียกประชุม เพื่อปฏิบัติการใด ๆ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ได้ ถ้ามีจำนวนสมาชิกฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของจำนวนสมาชิกฯ ทั้งหมด แต่ต้องมีการเลือกตั้งให้ครบจำนวนสมาชิกฯต่อไปภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และให้สมาชิกฯ ที่เข้ามานั้นมีอยู่ในตำแหน่งเท่าอายุของวุฒิสภาที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นกันระหว่างผู้มีอยู่เดิมกับผู้เข้ามาใหม่ ร่างมาตรา ๑๐๗ และร่างมาตรา ๑๐๘ ได้เพิ่มขึ้นใหม่เพื่อกำหนดวิธีการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ดังนี้ ๑. กำหนดให้มีองค์กรในการทำหน้าที่สรรหาสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วย ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนี้ และผู้แทนศาลทั้งสามศาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลซึ่งมีความอิสระและมีความยุติธรรม น่าเชื่อถือ และไว้วางใจในการที่จะทำการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา และกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากเป็นองค์กรทางนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน ๒. กำหนดกระบวนการในการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาโดยแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ (๑) การสรรหาจากผู้สมัครรับการสรรหาในแต่ละจังหวัด ๆ ละหนึ่งคน รวมกรุงเทพมหานครด้วยจำนวนเจ็ดสิบหกคน เพื่อให้มีการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมในการ ปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา จากบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งจะทราบสภาพการดำรงชีวิตและความต้องการพื้นฐานของชุมชนในพื้นที่และมีความรู้เพียงพอไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ ผู้มีประสบการณ์ในพื้นที่ ปราชญ์ชาวบ้านหรือผู้ที่ประชาชนนับถือ ซึ่งจะได้นำความรู้หรือประสบการณ์นั้นมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับการดำเนินการที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของทั้งประเทศและยอมรับได้ในพื้นที่ของจังหวัด นอกจากนี้ โดยหลักการแล้วการสรรหาจะมีการกลั่นกรองบุคคลที่มีประวัติดี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้ของชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัด ฉะนั้น แนวทางการสรรหาจะต้องมีการรับฟังความเห็นทั่วไปของประชาชนในจังหวัดอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้การสรรหาบุคคลที่เป็นกลางในทางการเมืองได้ดียิ่งขึ้น (๒) การสรรหาจากผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่าง ๆ เพื่อจะได้มีผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ และหลากหลายที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาจำนวนแปดสิบสี่คน ซึ่งจะทำให้สมาชิกวุฒิสภามีความครบถ้วนในองค์ประกอบที่มาจากบุคคลในพื้นที่จังหวัดและบุคคลที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่น ๆ ในสังคม และสามารถใช้ความรู้ที่มีความหลากหลายนั้นดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้โดยคำนึงถึงบุคคลทุกกลุ่มที่มีอยู่ในสังคม องค์ประกอบที่มีความครบถ้วนเช่นนี้จะกระทำมิได้ ถ้าใช้ระบบเลือกตั้งแบบเดิม และหน้าที่ของวุฒิสภาได้กำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญแล้ว ผู้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงแตกต่างจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องการผู้ที่เป็นกลางและมีความรู้เป็นหลัก มิใช่ผู้ที่เสนอนโยบายการบริหารประเทศและรับผิดชอบในทางการเมือง(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ