"สุริยะใส"ฟ้อง"สมศักดิ์"หมิ่นประมาท กล่าวหายักยอกเงินบริจาคพรรค

ข่าวการเมือง Friday June 3, 2011 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหาว่าตนยักยอกเงินระดมทุนของพรรคการเมืองใหม่ จำนวน 6.5 แสนบาท และบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยการกล่าวหาว่าตนลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่แล้ว

นายสุริยะใส ยืนยันว่าสิ่งที่นายสมศักดิ์กล่าวหาไม่เป็นความจริง และตนมีพยานหลักฐานที่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งใบเสร็จ และเอกสารการรับเงิน และการมาแจ้งความครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องทางการเมืองที่มีความเห็นแตกต่างกัน

"เชื่อว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ต้องการทำให้กรรมการบริหารพรรคที่สนับสนุนการโหวตโน 10 คน ลดจำนวนเหลือเท่ากับเสียงข้างน้อย เพื่อผลประโยชน์ของการลงสมัครรับเลือกตั้งของกลุ่มนายสมศักดิ์เอง หากนายสมศักดิ์จะดำเนินคดีกับผมอีก ก็จะให้ทนายแจ้งความกลับเช่นกัน" นายสุริยะใส ระบุ

ขณะที่วันนี้ นายสมศักดิ์ ไม่ได้เดินทางมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ตามที่ระบุไว้เมื่อวานนี้ ว่าจะมาแจ้งความให้เอาผิดกับนายสุริยะใส ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งภายหลังที่ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า ได้ปรึกษาทีมทนายความแล้ว ซึ่งจะไม่เดินทางไปแจ้งความกับ สน.นางเลิ้งในวันนี้ แต่จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในคราวเดียว ซึ่งทนายความให้ความเห็นว่า หากแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องจะล่าช้ายุ่งยาก เพราะต้องส่งเรื่องให้อัยการก่อนจะถึงศาล จึงต้องการจะฟ้องศาลเลยทีเดียว เพราะคดียักยอกเงินนี้คาบเกี่ยวระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา

ส่วนการที่นายสุริยะใส เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปราบนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายสุริยะใส ทราบความจริงดีว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการที่เขาไปแจ้งความนั้นเป็นเพียงการออกมาแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้จากขายบัตรโต๊ะจีนระดมเงินเข้าพรรค เพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง

ทั้งนี้กรรมการบริหารพรรคมีมติให้นายสุริยะใส นำเงินที่ได้จากการขายบัตรในส่วนที่รับผิดชอบส่งมอบให้พรรคภายในวันที่ 31 ต.ค.53 ซึ่งนายสุริยะใสจ่ายให้ไม่ครบซึ่งยังขาดอยู่ 6.5 แสนบาท โดยขณะนั้นเจ้าตัวรับปากว่าจะนำส่วนที่เหลือมาให้ แต่ก็ผลัดมาเรื่อย สุดท้ายกลับออกมาบอกว่าให้เงินไปหมดแล้ว ขาดอยู่แค่ 1 แสนบาทเท่านั้น แต่เมื่อตนตรวจสอบแล้วยังคงขาดอยู่ทั้งหมด 6.5 แสนบาทเท่าเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ