หัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขการบินพลเรือน แก้ปมธงแดง

ข่าวการเมือง Friday September 11, 2015 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 27/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลและพัฒนาการบินพลเรือนของประเทศไทย

ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(International Civil Aviation Organization:ICAO) ได้เข้ามาทำการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนตามโครงการ Universal Safety Oversight Audit Program(USOAP) โดยกรมการบินพลเรือนซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของประเทศไทยเป็นหน่วยรับการตรวจนั้น ผลการตรวจสอบพบว่าการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของประเทศไทยมีข้อบกพร่องจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย(Significant Safety Concern:SSC) ด้วย และหากมิได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วนแล้วจะส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงของประเทศโดยรวมได้

ดังนั้น เพื่อให้สามารถเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว และพัฒนาการบินพลเรือนเพื่อยกระดับมาตรฐานการบินพลเรือนของประเทศไทยให้สอดคล้องมาตรฐานสากล และเพื่อปฏิรูปราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้จัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน"(Command Center for Resolving Civil Aviation Issues) เรียกโดยย่อว่า ศบปพ.(CRCA) เป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นตรงกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) เป็นผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการ แก้ไขปัญหาการบินพลเรือน เรียกโดยย่อว่า ผบ.ศบปพ.

ข้อ 2 ศบปพ. มีโครงสร้างการปฏิบัติการดังนี้

(1) ให้มีคณะกรรมการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ประกอบด้วยบุคคลที่ ผบ.ศบปพ. แต่งตั้ง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติในระดับรัฐบาล

(2) ให้กองทัพอากาศและกรมการบินพลเรือนเป็นหน่วยงานหลักของ ศบปพ. ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน

(3) ให้ ผบ.ศบปพ.มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกองทัพอากาศไปช่วยปฏิบัติงานหรือไปช่วยทำการใดๆ ที่กรมการบินพลเรือน หรือหน่วยงานอื่นได้ไม่เกินสี่ปี และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งและอัตราในสังกัดเดิม สำหรับค่าตอบแทนรายเดือน หรือค่าตอบแทนอื่นๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ คำสั่ง หรือแบบธรรมเนียมที่ทางราชการกำหนด ในการนี้มิให้นำความในมาตรา 7(2) แห่ง พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ พ.ศ.2550 มาใช้บังคับ

ข้อ 3 ให้คณะกรรมการ ศบปพ. มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) กำหนดนโยบาย แนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการและให้ความเห็นชอบกับแผนปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงและพัฒนาการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งกำหนดแนวทางในการทำความเข้าใจกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศและหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของประเทศสมาชิกขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ

(2) สั่งการ กำกับดูแล ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในกำกับ ส่วนราชการ และหน่วยงานอื่นของรัฐให้เป็นไปตามข้อ 3(1)

(3) พิจารณาเสนอแนะ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งพัฒนากฎหมาย กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

(4) กำหนดโครงสร้างและอัตรากำลังของ ศบปพ. และพิจารณาแต่งตั้งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานใน ศบปพ. โดยแต่งตั้งข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้ตามความเหมาะสม

(5) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน เพื่อปฏิบัติงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะได้ตามความเหมาะสม

(6) พิจารณาและให้ความเห็นชอบอัตราค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนของผู้เชี่ยวชาญด้านการบินพลเรือนตามที่กรมการบินพลเรือนเสนอ

(7) พิจารณาและให้ความเห็นชอบในการจ้างที่ปรึกษาด้านการบินพลเรือนหรือด้านอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับการบินพลเรือนตามที่เห็นสมควร รวมทั้งกำหนดอัตราค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนตามความเหมาะสม

(8) เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ หรือภาคเอกชน รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมประชุมแนวทางการดำเนินงาน ประสานการปฏิบัติและติดตามผลการดำเนินงานตามความเหมาะสม รวมทั้งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบินพลเรือน

(9) เผยแพรข่าวสาร และประชาสัมพันธ์การดำเนินการด้านการบินพลเรือนตามแผนปฏิบัติการ

(10) รายงานผลการปฏิบัติให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่องจนกว่ามาตรฐานการบินพลเรือนของประเทศไทยจะได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล

(11) ปฏิบัติการอื่นตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย

ข้อ 4 การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ศบปพ. ตามข้อ 3 ให้ ผบ.ศบปพ.ประสานการปฏิบัติกับ รมว.คมนาคมอย่างใกล้ชิด หากเห็นว่าเรื่องใดเห็นชอบร่วมกันว่าเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ให้นำเรื่องดังกล่าว นำเรียนนายกรัฐมนตรี ผ่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พิจารณาสั่งการก่อน

ข้อ 5 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับ ศบปพ. เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานโดยเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบราชการ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กับกรมการบินพลเรือน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญตามข้อ 3(6) และให้กับ ศบปพ.เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาตามข้อ 3(7) ตามที่คณะกรรมการ ศบปพ. เห็นชอบ

ข้อ 6 คณะกรรมการ ศบปพ. และเจ้าหน้าที่ ศบปพ. ที่กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่โดยสุจริตไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ทางวินัย หรือทางปกครองเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนตามคำสั่งนี้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

ข้อ 7 เพื่อให้การปฏิบัติตามคำสั่งนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่คณะกรรมการ ศบปพ. สั่งการให้ส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ แต่ส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นเพิกเฉยหรือละเลยไม่กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามคำสั่งของคณะกรรมการ ศบปพ. ตามคำสั่งนี้ ให้ ผบ.ศบปพ. ร่วมกับ รมว.คมนาคม รายงานพฤติกรรมดังกล่าวพร้อมกับข้อพิจารณาเกี่ยวกับการลงโทษต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พิจารณาสั่งการต่อไป

ข้อ 8 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ