นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการรับมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการว่า นโยบายเร่งด่วน คือ การเตรียมการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ความปลอดภัยทางถนน เรื่องหาบเร่แผงลอย และสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อมาพูดคุยในรายละเอียดก่อนที่จะไปหารือกับรัฐบาลต่อไป โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ACT) มาพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย
ในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว คงต้องแยกเรื่องหนี้กับการเดินรถออกจากกัน โดยจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าการที่ กทม.รับโอนหนี้เข้ามามีกระบวนการถูกต้องหรือไม่ มูลค่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และ สภากทม.เห็นชอบหรือไม่อย่างไร และการว่าจ้างเดินรถเป็นปี 85 เพราะเป็นการดำเนินการตาม ม.44 ไม่ใช่ พ.ร.บ.ร่วมทุน ทำให้ไม่มีการแข่งขัน หลังจากมีข้อมูลพร้อมแล้วก็จะหารือกับรมว.มหาดไทยและนายกรัฐมนตรีต่อไป
"เรื่องหนี้ไม่ต้องกังวล เมื่อเทียบกับหนี้รัฐบาลเป็นหลายล้านล้าน ตรงนี้ไม่เยอะ อย่าเอาตรงนี้มาเป็นตัวกดดันประชาชนระยะยาว ไม่ใช่ประชาชนต้องมารับค่าโดยสาร 65 บาท เพราะวิธีแก้หนี้มีอีกหลายวิธี...อาจจะออกบอนด์ก็ได้ ต้องแยกหนี้กับสัปทานออกจากกัน"นายชัชชาติ กล่าวนายชัชชาติ ยังได้ฝากให้ข้าราชการช่วยศึกษานโยบาย 214 ข้อและหากเป็นไปได้เพิ่มเป็น 300 ข้อได้ก็น่าจะดี พร้อมยืนยันว่า ไม่กังวลเรื่องงบประมาณของ กทม.ที่มีจำกัด เนื่องจากนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ 214 ข้อ อยู่บนพื้นฐานที่ไม่ได้ใช้เงินมาก ไม่ใช่โครงการเมกะโปรเจ็คต์ หากเรื่องใดที่ไม่ใช้เงินก็สามารถดำเนินการได้ก่อน และยังมีเงินค้างอยู่ในระบบ และมีเงินสะสมของ กทม.หมื่นล้านบาท สามารถนำมาใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนได้
นอกจากการเปิดตัวทีมงานรองผู้ว่าฯกทม.และคณะที่ปรึกษาในวันนี้ นายชัชชาติ กล่าวว่า จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานกลุ่มต่างๆ ทั้งด้านการเมือง และที่ปรึกษาทางเทคนิค อีก 30-40 คน และจะติดต่อไปที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้มีการเปิดประชุม สภา กทม. เพราะว่างเว้นจากการมีสภา กทม.มา 13 ปีแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากแถลงข่าวในวันนี้ ผู้ว่าฯ กทม.จะเริ่มนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ทันที คือ การปลูกป่า 1 ล้านต้นใน 4 ปี โดยช่วงบ่ายจะไปปลูกป่า 100 ต้นที่สวนเบญจกิตติ และช่วงเย็นจะไปร่วมงานความหลากหลายทางเพศที่สามย่านมิตทาวน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย 12 เดือน 12 เทศกาลด้วย
นายชัชชาติ กล่าวว่า วันธรรมดาคงต้องทำงานที่ศาลาว่าการกทม. ส่วนช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะมีการลงพื้นที่ เพื่อติดตามความคืบหน้างานต่างๆ เช่น ติดตามการก่อสร้างที่ล่าช้า และหากลงพื้นที่อาจไม่บอกกำหนดการล่วงหน้า ไปไหนขอให้เรียบง่าย พร้อมทั้งขอห้ามขึ้นรูปหรือป้ายต่างๆ และมีนโยบายผู้ว่าฯกทม.สัญจร ภายใน 1 ปีหนึ่งจะลงพื้นที่ให้ครบทุกเขต