รายงานการวิจัยจาก Farm Foundation มูลนิธิที่มุ่งเน้นการดำเนินงานด้านระบบอาหารและการเกษตรของสหรัฐระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเดียวกับเมื่อครั้งที่ราคาอาหารแพงขึ้นในปี 2551 แต่ในปีนี้มีปัจจัยใหม่และปัจจัยอื่นที่ต่างไปจากเดิมที่เคยเกิดขึ้นด้วย
"ในปีนี้ ปัจจัยทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังของราคาสินค้าเกษตรและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานทั่วไป" นีลสัน คอนกลิน ประธานมูลนิธิ Farm Foundation กล่าวในแถลงการณ์
รายงานระบุว่า การส่งเสริมนโยบายด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์พืชที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะข้าวโพด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้เกิดการขยายตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสภาพอากาศในปี 2554 ก็มีส่วนสำคัญมากขึ้นกว่าเมื่อปี 2551 โดยผลผลิตข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ปรับตัวลดลงจากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ แต่สต็อกผลผลิตที่มีอยู่เป็นจำนวนมากก็ช่วยชะลอการถีบตัวของราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม สต็อกข้าวโพดปรับตัวลดลงในช่วงที่ผลผลิตในสหรัฐตกต่ำเมื่อปี 2553 ขณะที่สต็อกถั่วเหลืองยังคงตึงตัว
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เฟื่องฟูในปีนี้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ยังอ่อนแอและผันผวน
ทั้งนี้ องค์กร Farm Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 โดยมีหน้าที่กระตุ้นการกำหนดนโยบายที่ดีด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในประเด็นต่างๆเพื่อกำหนดอนาคตด้านเกษตรกรรม ระบบอาหาร และท้องถิ่นชนบท สำนักข่าวซินหัวรายงาน