ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นของจีนจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง หลังจากที่มีจำนวนบ้านสำหรับขายเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการทำธุรกรรมซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง
ทั้งนี้ ยอดขายบ้านได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ซบเซาในเดือนกันยายน โดยยอดขายช่วงวันหยุดเนื่องในวันชาติเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ยังลดลงอีกด้วย ทั้งที่โดยปกติแล้ว สัปดาห์ดังกล่าวเป็นสัปดาห์ที่จะมีการซื้อขายอย่างคึกคักในตลาดที่อยู่อาศัย
สถิติอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ปักกิ่งมียอดขายบ้านในช่วงวันหยุดดังกล่าวเพียง 1,039 ยูนิต แบ่งเป็นยอดขายบ้านใหม่ 908 ยูนิต และบ้านมือสอง 131 ยูนิต ลดลง 22.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ก็มียอดขายบ้านที่ลดลงอย่างมากเช่นกันในช่วงวันหยุดดังกล่าว โดยยอดขายต่อวันในเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ 100 ยูนิต ในขณะที่ยอดขายในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น กวางโจว และ หังโจว ยังคงทรงตัวอยู่ที่เพียงหลักสิบ
ข้อมูลสถิติของบริษัทวินด์ อินฟอร์เมช่น จำกัด ผู้ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของจีน ระบุว่า สต็อกบ้านคงค้างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 136 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีน คิดเป็นสัดส่วน 61.82% ของจำนวนทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก ในขณะที่สัดส่วนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ระดับต่ำว่า 60%
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติบ่งชี้ว่า ในระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม การก่อสร้างบ้านใหม่ใช้ที่ดินไปทั้งสิ้น 1.02 พันล้านตารางเมตร ในขณะที่การก่อสร้างได้แล้วเสร็จไปเพียง 36.3% หมายความว่า จะมีบ้านในตลาดเพิ่มขึ้นและส่งผลให้อุปทานเพิ่มสูงขึ้นตามมาด้วย
บริษัทเวิลด์ยูเนียน พร็อพเพอร์ตี จำกัด คาดว่า สต็อกบ้านคงค้างจะเพิ่มสูงสุดในช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า และคาดว่า ราคาจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จนกว่าอุปทานจะถึงระดับสูงสุด ในขณะที่ยอดขายยังคงอยู่ในระดับต่ำ สำนักข่าวซินหัวรายงาน