
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ได้ติดตามปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน และสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้าย โดยหากสถานการณ์ความรุนแรงยืดเยื้อ จะทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าตามข้อเท็จจริงแล้ว Supply พลังงานโลกจะไม่ขาดแคลนก็ตาม
โดยในส่วนของราคาพลังงานนั้น มองว่า หากราคาสูงขึ้น ก็เป็นผลมาจากสงคราม ซึ่งเมื่อรู้สาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไร ก็จะได้บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น อาจไม่ได้มาจากปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยขึ้นหรือลงเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินต่าง ๆ ความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น คริปโทเคอเรนซี และทองคำ ดังนั้นการติดตามเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้นจึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
"สุดท้ายแล้ว หากราคาน้ำมันปรับขึ้นรวดเร็ว รัฐบาลก็คงจะต้องใช้มาตรการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยอยู่ดี ตรงนี้เป็นเรื่องที่จะต้องทำเมื่อจำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคิดว่า จริง ๆ แล้วการทำเรื่องพวกนี้ ต้องทำในระดับที่เหมาะสม" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ได้มีการหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สถาบันการเงิน รวมถึงบริษัทผู้ค้าน้ำมันขนาดใหญ่ โดยได้มอบโจทย์สำคัญให้ไปเร่งพิจารณาว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นทั้งที่ตะวันออกกลาง หรือกับประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์พลังงานของไทยจะเป็นอย่างไร ซึ่งวิธีคิดจะต้องไม่มองแค่ผลกระทบกับเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะต้องมาดูและติดตามว่าจะมีมาตรการ แนวทางหรือแผนการรับมืออย่างไรไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม
รวมทั้งยังได้หารือถึงสถานการณ์การสำรองน้ำมันของประเทศด้วย เพราะไทยมีอีกสถานะ คือ การเป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงาน ดังนั้นก็ต้องมาดูว่าหากเกิดปัญหา และทุกประเทศต่างก็พยายามจะเก็บพลังงานไว้ในประเทศของตัวเองแทนการส่งออกมากขึ้น ตรงนี้จะเป็นจังหวะที่ดีที่ไทยจะบริหารการสำรองน้ำมันให้อยู่ในวิสัยที่แข็งแรงมากขึ้น
"ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณความตึงเครียดที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย แต่เพื่อเป็นการรับมือหากสถานการณ์ยืดเยื้อ รุนแรง รัฐบาลได้ หารือกับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ธนาคาร และภาคเอกชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออย่างรอบด้าน และยืนยันว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำมันในไทยไม่ได้มีปัญหาขาดแคลน แต่หากมีปัญหาราคาพลังงาน เรายังมีเครื่องมือในการบริหารราคา เช่น การใช้กองทุนน้ำมัน หรือแม้แต่การปรับภาษีน้ำมัน ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างเรายังสามารถจัดการได้อยู่ ขณะเดียวกัน ได้สั่งให้ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่นำแผนการจัดการสต็อกน้ำมันมารายงาน พร้อมเตรียมแผนสำรองการส่งออก หากเกิดการหยุดชะงักทางการค้า" รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว