ไทยระดมใช้มาตรการปกป้องสินค้าจากตปท. หลังพบเข้ามาทุ่มตลาด-นำเข้าพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 25, 2012 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าของไทยทั้งในเชิงรุกและรับว่า ปัจจุบันไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่ม(เอดี) โดยเรียกเก็บภาษีเอดีจากสินค้า 8 รายการที่นำเข้าจาก 17 ประเทศ เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมภายในของไทยไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาด(การขายราคาต่ำ) ภายหลังการไต่สวนพบว่า สินค้าเหล่านั้นมีการทุ่มตลาดในไทย จนทำให้ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันของไทยได้รับความเสียหายจากยอดขายที่ลดลง ส่วนแบ่งตลาดลดลง และขาดทุนจากการทำธุรกิจ

สำหรับสินค้าจาก 17 ประเทศที่เข้ามาทุ่มตลาดไทย เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนและมาเลเซีย สินค้ากระเบื้องปูพื้นหรือติดผนังที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน เป็นต้น โดยประเทศที่ไทยใช้มาตรการเอดีมากที่สุดคือ จีน

ขณะเดียวกันไทยยังอยู่ในระหว่างดำเนินการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการเอดีต่อไปกับสินค้า 2 รายการ คือ สินค้าเหล็กโครงสร้างหน้าตัดรูปตัว H และสินค้ากรดซิทริก(กรดมะนาว)จากจีน ภายหลังจากที่ไทยใช้มาตรการเอดีครบ 5 ปีแล้ว อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการเอดีกับสินค้าที่นำเข้าอีก 5 รายการจาก 5 ประเทศ

นอกจากนี้ ไทยยังได้ใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น(เซฟการ์ด)กับสินค้าบล็อกแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมจากทุกประเทศ ยกเว้นประเทศกำลังพัฒนาด้วยการเก็บภาษีเพิ่มเช่นกัน เพราะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันของไทยได้รับผลกระทบทางธุรกิจ

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้หลายประเทศคู่ค้าได้ใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับสินค้าที่นำเข้าจากไทยเช่นกัน โดยในเดือนธ.ค. 54 สินค้าไทยถูกใช้มาตรการเอดีรวม 54 รายการ จาก 16 ประเทศ โดยประเทศที่ใช้มาตรการเอดีกับสินค้าไทยมากที่สุด คือ อินเดีย รองลงมาคือสหภาพยุโรป และตุรกี

สินค้าที่ถูกใช้มาตรการมากที่สุด คือ สินค้าประเภทด้าย เส้นใยสังเคราะห์ และเรซิ่น สำหรับมาตรการอุดหนุนการทุ่มตลาด (ซีวีดี) มี 1 รายการ คือเหล็กแผ่นรีดร้อน ที่สหรัฐฯใช้กับไทย ส่วนสินค้าที่ถูกใช้มาตรการเซฟการ์ด มี 5 รายการ จาก 2 ประเทศ

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศต่างๆ มีแนวโน้มในการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าด้วยการใช้เอดี/ซีวีดี และเซฟการ์ดมากขึ้น เพื่อปกป้องเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ ดังนั้นผู้ผลิตของไทยควรศึกษาและทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และขั้นตอนในกระบวนการไต่สวนเพื่อสามารถใช้สิทธิ์ในการปกป้อง

"ส่วนผู้ส่งออกควรศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายเหล่านี้ของประเทศคู่ค้า เพื่อเตรียมความพร้อม โดยไม่ควรกำหนดราคาขายส่งออกต่ำเกินไปจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศผู้นำเข้า หรือหากมีการส่งออกไปในปริมาณที่เพิ่มขึ้นก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะอาจถูกประเทศคู่ค้าเปิดการไต่สวนได้ นอกจากนี้ ผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทยควรให้ความร่วมมือในกระบวนการไต่สวน เช่น การตอบแบบสอบถาม การให้ข้อมูล เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิ์เพื่อปกป้องตนเอง" รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ