TMB คาดดบ.นโยบายลงอีก 0.25%ใน H1/55 ห่วงศก.ยุโรปหดตัว-ศก.ไทยฟื้นช้า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 25, 2012 18:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB Analytics) ออกบทวิเคราะห์ว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 55 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.00 จากร้อยละ 3.25 ณ สิ้นปี 2554 นั้น คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลงอีกร้อยละ 0.25 ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งการประชุม กนง. จะมีขึ้นอีกสามครั้ง ในเดือน มีนาคม พฤษภาคม และ มิถุนายน และน่าจะยืนที่ระดับร้อยละ 2.75 จนสิ้นปี

ด้วยสองปัจจัยหลักด้วยกัน คือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ปัญหาเดิมที่เรื้อรังมากว่า 2 ปีแล้ว คือความเสี่ยงของเศรษฐกิจยุโรปที่คาดว่าจะหดตัวประมาณร้อยละ 0.5-1.0 ในปี 2555 ซึ่งทำให้ตลาดส่งออกหลักถูกกระทบเชิงลบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความต้องการสินค้าส่งออกจากไทย นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทยยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากผลกระทบน้ำท่วมที่น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าขั้นหดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วถึงร้อยละ 5.3

อีกทั้ง แรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่สูง โดยเงินเฟ้อทั่วไปลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.53 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วจากร้อยละ 4.19 ณ เดือนพฤศจิกายน และเงินเฟ้อพื้นฐานก็เริ่มทรงตัว โดยผลจากการกระตุ้นการบริโภค การขึ้นค่าจ้างแรงงานในเดือนเมษายน และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ จะเริ่มส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ก็จะไม่ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อบีบคั้นอย่างเช่นในปีก่อนหน้า เนื่องจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลักๆ ทั้งนี้ TMB Analytics ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2555 จะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ชะลอลงจากเฉลี่ยร้อยละ 3.8 ในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การลดลงของต้นทุนทางการเงินในปีนี้ดังกล่าว อาจไม่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและภาคเศรษฐกิจจริงอย่างที่เคยเป็น เนื่องจากปัจจัยเรื่องกฎระเบียบทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับกับเพิ่มต้นทุนการระดมเงินของธนาคารพาณิชย์ จากแนวทางการเพิ่มค่าธรรมเนียมนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 0.4 อาจเป็นร้อยละ 0.55 หรือสูงกว่านั้น ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องการรับภาระต้นทุนนี้ทั้งหมดเพียงผู้เดียว ก็สามารถประคองส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากไม่ให้ลดลงจากเดิมมากนัก ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และ/หรือ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในส่วนผสมที่พอเหมาะ

ทั้งนี้ มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากการแข่งขันระดมเงินฝากที่สูงขึ้นทั้งจากธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ด้วยกันเองเนื่องจากการลดลงของวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินในช่วงกลางสิงหาคมปีนี้ และ จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากดั่งเช่นธนาคารพาณิชย์

จากการศึกษาของ TMB Analytics พบว่า ทุกร้อยละ 0.01 ของค่าธรรมเนียมที่ถูกเก็บเพิ่ม อาจทำให้เงินฝากจำนวน 7,000 ล้านบาท ไหลออกจากธพ. ไปสู่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เห็นได้ว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 20 ต่อปี ขณะที่เงินฝากของธพ.เติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5 ต่อปี ปัจจุบันเงินฝากของธพ.จึงมากกว่าเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพียง 2.5 เท่า จากสี่ปีที่แล้วอยู่ที่ 4.2 เท่า ซึ่งก็ล้อไปกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มากกว่าของธพ. ดังนั้น จึงสามารถใช้พฤติกรรมการไหลของเงินฝากจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาประเมินความเป็นไปได้ที่เงินฝากจะไหลออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ไปสู่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

หากค่าธรรมเนียมที่ธพ.ต้องส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.15 เป็นร้อยละ 0.55 ไปให้กับผู้ฝากเงิน เงินฝากจากธพ. อาจไหลไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ประมาณ 1.05 แสนล้านบาทได้ ทำให้ ธพ.จะต้องพยายามรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ในระดับที่รักษาฐานลูกค้าได้ ซึ่งอาจต่ำไม่พอเพียงต่อการชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจึงอาจเป็นทางออกหนึ่งของธพ.ในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไร ในอดีตธพ.จะตอบสนองต่อการปรับดอกเบี้ยนโยบายขาลงมากกว่าขาขึ้น โดยดอกเบี้ยเงินกู้ (MLR) ลดลงโดยเฉลี่ยร้อยละ 0.058 ต่อทุกการลด ร้อยละ 0.10 ของดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ตัวเลขเดียวกันนี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นอยู่เพียง ร้อยละ 0.038 ต่อทุกการเพิ่มร้อยละ 0.10 ค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจทำให้อัตราส่วนการตอบสนองนี้ลดลงตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การส่งผ่านนโยบายการเงินด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จึงอาจไร้ประสิทธิภาพไปโดยปริยาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ