นอกจากนี้ ยังเผชิญกับมาตรการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะสถานการณ์ทางด้านแรงงานที่ไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบัญชี Tier 2 Watch List ในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการส่งออกกุ้งของไทย
จากปัจจัยท้าทายข้างต้น ทำให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเท่ากับ 298 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวสูงถึงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศอัตราภาษีอากรตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ของทั้ง 7 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย และไทย หลังจากมีข้อกล่าวหาว่า 7 ประเทศดังกล่าวมีการอุดหนุนจากภาครัฐในการช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกและทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคาเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมในประเทศสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จะมีการทบทวนอัตราภาษีดังกล่าวเป็นขั้นสุดท้ายในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2556 ซึ่งไทยยังสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนการทบทวนขั้นสุดท้ายได้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากสหรัฐฯ ยังคงยืนการเรียกเก็บภาษีเท่ากับอัตราขั้นต้น ก็ถือว่าอัตราภาษีอากรที่ไทยถูกเรียกเก็บยังเป็นระดับที่ไม่สูงมากและยังมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งส่วนใหญ่ คือ จีน อินเดีย เวียดนาม และมาเลเซีย แต่อาจจะยิ่งทำให้เอกวาดอร์และอินโดนีเซียซึ่งไม่ถูกเรียกเก็บภาษี มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และทำให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอีกในระยะต่อไป ดังนั้น ไทยควรเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนผลผลิตกุ้งในการส่งออกและแก้ไขสถานการณ์ด้านแรงงานเพื่อรักษาจุดยืนของการเป็นผู้ส่งออกกุ้งหลักในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ไว้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากในระยะถัดไปการระบาดของโรคกุ้งตายด่วนยังไม่คลี่คลายและผลผลิตกุ้งยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ อาจทำให้การเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกกุ้งของไทยในปี 2556 มากนัก เนื่องจากไทยจะยังคงมีวัตถุดิบไม่เพียงพอสำหรับการส่งออก
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์โรคกุ้งตายด่วนสามารถคลี่คลายลงได้ ผนวกกับค่าเงินบาทปรับตัวในทิศทางที่มีเสถียรภาพมากขึ้น คงจะช่วยประคองให้สถานการณ์การส่งออกกุ้งในครึ่งหลังของปี 2556 ฟื้นตัวดีขึ้นจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการนำเข้ากุ้งจากตลาดหลัก (สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) ที่ยังคงมีอยู่
ดังนั้น ผู้ประกอบการส่งออกกุ้งไทยยังจำเป็นต้องเร่งคลี่คลายปัจจัยลบที่เกิดขึ้น และเสริมจุดแข็งด้วยการเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้นำเข้าในตลาดหลักและตลาดศักยภาพใหม่ๆ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่รออยู่ (นอกเหนือไปจากประเด็นการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุนและการจัดให้ไทยอยู่ในบัญชีที่ต้องจับตาจากสหรัฐฯ) โดยเฉพาะจากความเป็นไปได้ที่สินค้าส่งออกของไทย รวมถึงกุ้ง จะถูกตัดสิทธิ GSP จากตลาดสหภาพยุโรป (อียู) ในปี 2557 แม้ผลจากปัจจัยดังกล่าวอาจจะได้รับการบรรเทาจากการบรรลุกรอบเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-อียู ก็ตาม