"วรพล-วรวรรณ" แนะรัฐเร่งผลักดันพ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติดูแลหลังเกษียณ แต่ค้านให้ก.บ.ช.เข้าบริหาร

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 2, 2018 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการเงิน การธนาคาร สถาบันการเงิน และตลาดทุน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งผลักดันให้จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติโดยเร็ว เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อช่วยให้ลูกจ้างในระบบอีกหลายสิบล้านคนได้มีหลักประกันในยามเกษียณ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลสนับสนุน แต่เนื่องจากเงินกองทุนนี้เป็นเงินของภาคเอกชนโดยลูกจ้างจ่ายและนายจ้างร่วมจ่ายสมทบ รัฐไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจ่ายเงินเจ้าของเงินจึงควรมีอิสระในการเลือกนโยบายการลงทุนและผู้จัดการกองทุน ตลอดจนเรียนรู้การจัดการเงินออมของตนเองอันเป็นการสร้างรากฐานการจัดการเงินส่วนบุคคลของประชาชนและยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดการลงทุนให้เติบโตต่อไป ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและอุตสาหกรรมนี้ได้มีการพัฒนาจนเชี่ยวชาญมาแล้วเป็นเวลา กว่า 30 ปี ทั้งยังมีการกำกับดูแลที่ดี รัฐควรระมัดระวังไม่ไปบริหารเงินกองทุนของเอกชนโดยที่รัฐก็ไม่มีความชำนาญในขณะที่มีภาคเอกชนที่ได้รับการพัฒนาจนเชี่ยวชาญเป็นผู้จัดการอยู่แล้ว

ยิ่งกว่านั้น การจัดตั้งหน่วยงาน กบช.ขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยงานใหม่อีกหนึ่งหน่วยงานต้องตั้งงบประมาณจำนวนมากขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่บริหารและมาดำเนินการคัดเลือกผู้บริหารกองทุนซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชนและประเทศมีฐานะงบประมาณที่ขาดดุลติดต่อกันมามากกว่า 10 ปีแล้วและยังอาจก่อให้เกิดข้อสงสัยได้ง่ายในเรื่องความโปร่งใสในการจัดการซึ่งไม่สอดคล้องกับความพยายามในการขจัดปัญหาความไม่โปร่งใสในภาครัฐที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่

ร่างพ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ... จะบังคับใช้กับนายจ้างและลูกจ้างเอกชนที่ยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยกำหนดให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมและนายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เริ่มจาก 3% ในปีแรกและค่อย ๆ เพิ่มเป็นลำดับขึ้นไปในปีต่อ ๆ ไป ซึ่งมีเป้าหมายให้ลูกจ้างมีรายได้หลังเกษียณอยู่ที่ 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนการเกษียณอายุ และจะจัดตั้งสำนักงาน ก.บ.ช. ให้รัฐเป็นผู้บริหารจัดการ โดยจะบริหารเองและ/หรือคัดเลือกเอกชนที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางรายให้เข้ามาเป็นผู้จัดการกองทุน

ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและประธานกิตติมศักดิ์สมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า เงินกองทุนนี้มาจากเงินของลูกจ้างและนายจ้างไม่มีเงินจากภาครัฐมาสนับสนุนและรัฐก็ไม่ควรใส่เงินเข้ามาสนับสนุนเพราะจะเป็นภาระงบประมาณมหาศาลในอนาคต จึงต่างกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนประกันสังคมที่รัฐเข้ามาบริหารจัดการแบบรวมศูนย์โดยผ่านการจัดตั้งสำนักงาน กบข. และสำนักงานประกันสังคมเพราะรัฐใส่เงินงบประมาณแผ่นดินสนับสนุนลงไปด้วย

"ในเมื่อกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาตินี้เป็นเงินของภาคเอกชนทั้งหมด (ลูกจ้างจ่ายและนายจ้างสมทบ) ไม่มีเงินจากรัฐเกี่ยวข้องจึงไม่เห็นความสมเหตุสมผลที่จะให้รัฐเข้ามายุ่งเกี่ยวในการบริหารจัดการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมเพราะการบริหารจัดการเงินจำนวนมากของประชาชนโดยภาครัฐจะมีความเสี่ยงมีแนวโน้มที่จะเกิดความไม่โปร่งใสอันเกิดจากการแทรกแซงทางการเมือง หรือเปิดโอกาสให้ใช้อำนาจโดยมิชอบได้โดยง่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินจึงควรมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ที่จะเลือกลงทุนในกองทุน กบช.ของ บลจ.ใด ๆ ก็ได้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่เหมือนที่เขามีสิทธิในการเลือกลงทุนในกองทุน RMF โดยเสรีเพราะการเปิดเสรีจะทำให้เกิดการแข่งขันเมื่อมีการแข่งขันประชาชนก็ย่อมได้ประโยชน์ทั้งในเรื่องของทางเลือก ราคา บริการ การเข้าถึงข้อมูลกับการได้รับคำแนะนำในการวางแผนการเงินและลงทุน

นอกจากนี้การจัดตั้งองค์กรภาครัฐขึ้นมาใหม่ในลักษณะสำนักงาน ก.บ.ช.เพื่อเข้ามาบริหารจัดการกองทุนตามร่าง พ.ร.บ.ฯ นี้ก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนโดยใช่เหตุ จึงเห็นว่ารัฐควรช่วยทำหน้าที่ผลักดันให้เกิดกฎหมายโดยเร็วโดยรัฐไม่ควรจะเข้ามาเป็นผู้เล่นเสียเองไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม" นางวรวรรณ กล่าว


แท็ก ตลาดทุน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ