นายกฯ ประชุมทูตไทยทั่วโลก มอบนโยบายเร่งดึงการลงทุน-เจาะตลาดใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 21, 2023 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฯ ประชุมทูตไทยทั่วโลก มอบนโยบายเร่งดึงการลงทุน-เจาะตลาดใหม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวมอบนโยบายในการประชุมเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และฝ่ายส่งเสริมการลงทุน ประจำปี 2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในหัวข้อ "การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก" โดยระบุว่า นับเป็นโอกาสอันดีที่ ทีมประเทศไทย (Team Thailand) ทั้งภายในประเทศ และที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ ทั้งนักการทูตประจำประเทศต่าง ๆ ทูตเกษตร ทูตพาณิชย์ และหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบเฉพาะ เช่น สำนักงานบีโอไอทั่วโลก ได้มาร่วมกันกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศสู่ยุคใหม่ ให้เป็นการทูตที่จับต้องได้ เป็น "การต่างประเทศที่กินได้" สร้างความกินดีอยู่ดี โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายกฯ ประชุมทูตไทยทั่วโลก มอบนโยบายเร่งดึงการลงทุน-เจาะตลาดใหม่

โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอกรอบการทำงานและวางกลยุทธ์ ซึ่งได้จากการเรียนรู้การทำงานกับระบบราชการ และประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจของนายกรัฐมนตรี โดยแบ่งกรอบงานเป็น 2 ส่วน ตามวาระการประชุม ดังนี้

  • ส่วนแรก งานที่เกี่ยวข้องกับการเป็นทูตเศรษฐกิจ ส่งเสริมทั้งการค้าขาย และการลงทุน รัฐบาลมีนโยบายหลักที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยอาศัยภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อน ขณะที่รัฐบาลมีบทบาทในการสนับสนุน และเอื้อให้การค้าต่างประเทศและการลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น การนำสินค้าไทยไปขายในต่างแดน การทำให้ดัชนีความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of doing business) ดีขึ้น รวมถึงการเร่งการเจรจา FTAs ให้สำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งหวังให้ทีมประเทศไทย เป็นตัวกลางในการประสานงานกับภาคเอกชนให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เป็นที่ปรึกษา ช่วยชี้แนะตลาด ปัจจัยสำคัญ สื่อสารให้ข้อมูลประเด็นทางเศรษฐกิจ และชี้ให้เห็นโอกาสของประเทศไทยในวิกฤต ทำงานเชิงรุกเพื่อทำให้ภาคธุรกิจไทยสามารถรับมือได้ทัน ตลอดจนเป็นผู้ประสานงานเชิญชวนให้คนมาท่องเที่ยว ทำธุรกิจในประเทศไทย และช่วยเหลือด้านข้อมูล

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืนของไทยในความเป็นกลางที่เป็นมิตรกับทุกฝ่าย แต่ไม่ไร้จุดมุ่งหมาย โดยต้องทำความเข้าใจพลวัตของแต่ละประเทศ เพื่อเข้าใจประเด็นสำคัญเร่งด่วน และนำมาปรับใช้กับวิธีการวางตัว วางจุดยืนของประเทศให้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เป็นข้อมูลที่จะชี้โอกาสสำหรับการค้าและการลงทุน ซึ่งนั่นคือ "การต่างประเทศที่คนไทยสามารถจับต้องได้"

สำหรับการลงทุน ต้องดูการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign direct investment: FDI) ทั้งการลงทุนจากต่างประเทศในไทย และการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยการลงทุนจากต่างประเทศในไทย ใน Mega Project เช่น Landbridge ซึ่งเป็นโครงการที่ดึงดูดสายตาประชาคมโลก ทีมประเทศไทยต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลได้ รับจากส่วนกลางไปเป็น Salesman ของประเทศ นำ Soft Power ไปขยายต่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งสินค้าและบริการ อาทิ งานเชียงราย Biennale ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดเทศกาลในภูมิภาค รวมทั้งในส่วนการพานักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ต้องนำดอก ผล กลับเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งการเข้าร่วมการประชุม APEC ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้พาบริษัทไทยไปเจอกับบริษัทต่างชาติ เพื่อให้สามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น

นายกรัฐมนตรีขอให้ทีมประเทศไทยช่วยกันคิด วางแผนการทำงานร่วมกันให้ครอบคลุม ทั้งการค้าขายทั้งนำเข้าและส่งออก และการลงทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศ เป็นฟันเฟืองสำคัญของ "การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก"

  • ส่วนที่สอง บทบาทที่เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี และการช่วยเหลือคนไทยและธุรกิจไทยในต่างประเทศ คือการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ทั้งเรื่องการประสานภาครัฐ และการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน

พร้อมย้ำถึงภารกิจที่ยิ่งใหญ่ คือการให้การช่วยเหลือ ประสานงานให้หน่วยงานราชการ คณะผู้แทนไทย สามารถบรรลุวัตถุประสงค์กลับมาให้กับประเทศ ให้คนไทย และขอให้หนักแน่นในหน้าที่นี้ เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ดีเป็นนักการทูตมืออาชีพ

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการทำงานร่วมกันในฐานะทีมประเทศไทย โดยรวมหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และการสนับสนุนร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความรู้และความสามารถของทุกคน ซึ่งถือเป็นทีมประเทศไทยของรัฐบาล ดำเนินการทูตแบบใหม่ ด้วยเป้าหมายของการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ไทยมีอิทธิพล มีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีโลกมากขึ้น

* ภูมิธรรม สั่งทูตพาณิชย์ผนึก "ทีมไทยแลนด์" เร่งเจาะตลาดโลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายชัดเจนในการทำงานครั้งใหม่ เริ่มต้นจากการร่วมมือ หลอมความคิด หลอมนโยบาย หลอมเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน โดยการร่วมมือครั้งนี้ เอกอัครราชทูตจากทั่วโลก ทูตพาณิชย์จากทั่วโลก สำนักงานบีโอไอทั่วโลก จับมือทำงานร่วมกันในทิศทางเดียวกัน ร่วมกันเป็นทีมเดินหน้า จากที่นายกรัฐมนตรีได้ไปเปิดตลาดไว้

"เราจะตามต่อ เช่น ที่ไปพบกับไมโครซอฟท์ และ Google แล้วจะมีการลงทุน ทูตพาณิชย์ที่ประจำที่นั่น ก็จะไปตามต่อ อำนวยความสะดวกให้สิ่งที่ท่านนายกฯ พูดไว้ เกิดผลตามความเป็นจริง และกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีนโยบายในทิศทางเดียวกัน วันนี้ทั้ง 3 หน่วยงานจะคุยกันลึกขึ้น ทั้ง บีโอไอ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ ได้คุยถึงจุดยุทธศาสตร์ ที่มีอยู่ 10 จุด เป็นกลุ่มเป้าหมาย หาตลาดใหม่ และรักษาตลาดเก่า และขยายเป็นรูปธรรมมากขึ้น" นายภูมิธรรม ระบุ

ยกตัวอย่าง การเจรจาการค้ากับประเทศจีน ที่จะลงไปในระดับมณฑล นอกจากนี้ ยังจะบุกตลาดตะวันออกกลาง และตลาดเอฟริกา ซึ่งจะทำให้ตลาดของไทยใหญ่ขึ้น ส่วนการเจรจาเปิดเสรีการค้า (FTA) นั้น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กำลังดำเนินการหลายเรื่อง แต่ที่คาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุป คือ FTA ไทย-ศรีลังกา ส่วน FTA ไทย-UAE กำลังเดินหน้าเพื่อหาประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งความสนใจที่จะทำ FTA กับยุโรปอีกหลายเรื่อง ทั้ง IUU และประมง

"นายกฯ ให้นโยบายวันนี้เป็นฐานสำคัญ เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน รัฐบาลนี้มีเอกชนเป็นทัพหน้า มีศักยภาพมีความสามารถในการไปลงทุน หลายส่วนมีศักยภาพ ถ้าจะให้ดี รัฐบาลจะเป็นแบ็คอัพให้ เปลี่ยนรัฐที่เป็นอุปสรรค ให้เป็นรัฐที่ส่งเสริมสนับสนุน เป็นรัฐดิจิทัลหาทางออก และจากนี้ไป กำลังรีวิวกฏหมายต่างๆ ถ้าต้องแก้ไข ก็จะแก้ไข ถ้าไม่เท่าทันโลกและไม่สร้างการพาณิชย์ยุคใหม่ ไม่สร้างเครื่องมือใหม่จะตามไม่ทันโลก" รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ