กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศยุโรป 15 ประเทศที่ใช้เงินยูโรอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และมีแนวโน้มที่จะอยู่เหนือระดับ 3% ในเร็วๆนี้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวอยู่ใกล้กับระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และยังอยู่เหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่ 2% ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจจะทำให้ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดีไอเอ็มเอฟไม่ได้มองว่าความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจะอยู่เหนือการควบคุม
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ผันผวนแล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% และอัตราโดยรวมอาจจะปรับตัวลงมาอยู่ต่ำกว่า 2% ในช่วงปลายปี 2552
จากการประเมินเบื้องต้นของยูโรสแตทระบุว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่ระดับ 3.6% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 12 ปี โดยอัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับ 3.6% เป็นครั้งแรกในเดือนมี.ค. ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาเล็กน้อยในเดือนเม.ย.
อเลสซานโดร เลโพลด์ เจ้าหน้าที่ของไอเอ็มเอฟ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ราคาสินค้าพื้นฐานที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเศรษฐกิจของยุโรปคาดว่า จะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 1.75% ปีนี้ และขยายตัว 1.25% ในปีหน้า หากว่าวิกฤตการเงินไม่ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์:
[email protected]