ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์พุ่งเทียบสกุลเงินหลัก ขณะนลท.วิตกศก.ยูโรโซนซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Saturday August 9, 2008 08:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เพราะกระแสความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายเงินยูโรออกมาอย่างหนัก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 110.27 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 109.43 เยน/ดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0816 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0618 ฟรังค์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.5006 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5321 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.9202 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9437 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะที่ 0.7047 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7149 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.8889 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9063 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป(ECB)และธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 4.25% และ 5% ตามลำดับ โดยนายฌอง คล็อด-ทริเชต์ ประธาน ECB กล่าวเตือนว่า กลุ่มประเทศในเขตยูโรโซนอาจเผชิญภาวะเงินเฟ้อและมีตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสองและสามของปีนี้ที่เลวร้ายกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ว่า ทางธนาคารจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจจากประเทศยักษ์ใหญ่ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลียังคงซบเซา
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนที่กระตุ้นสกุลเงินต่างๆให้แข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนจะแห่เข้าถือครองสินทรัพย์ที่ได้รับส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ตรงข้ามกับประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้สกุลเงินในประเทศนั้นอ่อนค่าลง
อาชราฟ ไลดี นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายของสกุลเงินยูโรที่กำลังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในเขตยูโรโซนที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ความว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวขึ้นแข็งแกร่ง"
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ในระดับเดิมที่ 2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ