"บุช"ลั่นพร้อมผลักดันแผนฟื้นฟูภาคการเงินให้ผ่านมติคองเกรส หนุนดาวโจนส์ดีดกว่า 400 จุด

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 1, 2008 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดทำเนียบขาวแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยเตือนว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไม่อนุมัติผ่านแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ทรุดตัวลงรุนแรงขึ้น 
"เศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้กำลังขึ้นอยู่กับการผลักดันมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินของรัฐบาล สภาคองเกรสต้องเร่งผ่านแผนฟื้นฟูภาคการเงิน มิฉะนั้นเศรษฐกิจจะเสียหายอย่างรุนแรงและยืดเยื้อยาวนาน"
"อย่างไรก็ตาม ผมขอให้ชาวอเมริกันและประชาชนทั่วโลกมั่นใจว่า การที่สภาคองเกรสไม่ผ่านแผนฟื้นฟูภาคการเงินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ยังไม่ใช่การสิ้นสุดของกระบวนการนิติบัญญัติ ผมให้คำมั่นสัญญาว่าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของเราจะเดินหน้าเจรจากับแกนนำในสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้เพื่อปรับปรุงกฎหมายที่จะแก้ไขวิกฤติ ทางการเงินของสหรัฐที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่" บุชกล่าวที่ทำเนียบขาว
การที่ประธานาธิบดีบุชพยายามผลักดันให้แผนฟื้นภาคการเงินผ่านมติสภาคองเกรสเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกคลายความวิตกกังวล และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 485.21 จุด หรือ 4.68% แตะที่ 10,850.66 จุด และพยุงดอลลาร์ให้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อีกทั้งหนุนดัชนีตลาดหุ้นในยุโรปพุ่งขึ้น รวมถึงดัชนี FTSE 100 ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ด้วย
ต่างจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ ทรุดลง 777.68 จุด หรือ 6.98% ปิดที่ 10,365.45 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากมีรายงานว่า สภาคองเกรสสหรัฐปฏิเสธแผนฟื้นฟูภาคเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมติด้วยคะแนนเสียง 228 ต่อ 205 เสียง
กอร์ดอน ชาร์ล็อป นักวิเคราะห์จากบริษัท Rosenblatt Securities กล่าวว่า "เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนักเพราะแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อภาพข่าวทางโทรทัศน์ว่า สภาคองเกรสคว่ำแผนฟื้นฟูภาคการเงิน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเป็นระลอกๆว่าแผนฟื้นฟูฉบับนี้จะผ่านมติสภาคองเกรสแน่นอน แต่เมื่อประธานาธิบดีบุชออกมาสยบกระแสความวิตกกังวลเมื่อคืนนี้ จึงทำให้ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น และทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงบ้าง" สำนักข่าวเอพีรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ