ยอดทำสัญญาต่อเรือทั่วโลกร่วงลง 90% เมื่อเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อได้บั่นทอนบรรยากาศทางการค้าในตลาดโลกและทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเดินเรือทำเรื่องขอกู้เงินยากลำบากมากขึ้น
ริชาร์ด แซดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทลอยด์ส รีจิสเตอร์ส กรุ๊ปเปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการด้านธุรกิจต่อเรือมียอดทำสัญญาต่อเรือในเดือนต.ค.เพียง 37 ลำ ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 378 ลำในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
ฮุนได เฮฟวี่ อินดัสทรี้ส์ โค บริษัทต่อเรือรายใหญ่ที่สุดในโลกรายงานยอดทำสัญญาต่อเรือที่ลดลงในช่วงไตรมาส 3 เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางเรือชะลอตัวลงเพราะวิกฤตขาดแคลนเม็ดเงิน รวมถึงอุปสงค์การขนส่งน้ำมัน วัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูปที่ซบเซาลง โดยแซดเลอร์คาดว่า ยอดทำสัญญาต่อเรือทั่วโลกตลอดทั้งปีอาจร่วงลงหนักกว่าที่เราประมาณการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ที่ 15%
บริษัทคล๊าร์กสัน พีแอลซี ผู้แทนของบริษัทเดินเรือรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้วบริษัทมียอดทำสัญญาต่อเรือที่ขยายตัว 50% โดยมีน้ำหนักระวางเรืออยู่ที่ 261.3 ล้านตัน แต่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดทำสัญญาต่อเรือร่วงลง 27% แตะที่ 142.9 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาต่อเรือล็อตใหม่ในประเทศจีนร่วงลง 62% มาอยู่ที่ 24.35 ล้านตันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ หลังจากที่ขยายตัวขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาจากอานิสงส์ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์การนำเข้าสินแร่เหล็กที่ใช้ในการผลิตเหล็ก ขณะที่การส่งออกที่สดใสก็กระตุ้นให้มีความต้องการใช้ตู้เรือเพื่อบรรทุกสินค้าต่างๆ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และสินค้าอื่นๆไปยังสหรัฐและยุโรป ส่วนยอดต่อเรือในเกาหลีลดลง 50% อยู่ที่ 33.68 ล้านตัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีค่าระวางเรือ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดตัวเลขการใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 11,793 จุด ซึ่งเป็นสถิตการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในรอบ 3 ปี แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาดัชนีดังกล่าวร่วงลงถึง 93% เกือบแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากเทรดเดอร์กำลังเผชิญอุปสรรคในการขอสินเชื่อเพื่อใช้ในดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้า ขณะที่บริษัทผู้ผลิตเหล็กของจีนปรับลดการผลิต ท่ามกลางภาวะอุปสงค์รถยนต์และการก่อสร้างที่ซบเซา