จีนให้คำมั่นว่าจะใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 586 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอย ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะมีค่าเทียบเท่าเกือบ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีที่แล้ว โดยจะมีการใช้งบภายในช่วงสิ้นปี 2553
ภายหลังการประชุมที่กรุงเซาเปาโลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ที่ประชุมรมว.คลัง กลุ่ม G-20 ซึ่งจีนเป็นสมาชิกด้วยนั้น ได้ออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า ที่ประชุมพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ไซมอน จอห์นสัน นักวิเคราะห์ของสถาบันเศรษฐกิจสากลปีเตอร์สัน และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า หากจีนใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นโครงการริเริ่มทางการทูตแล้ว ก็ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการร่วมมือกันกับนานาประเทศเพื่อตอบสนองวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น
จีนกำลังดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนจะเดินไปเข้าร่วมการประชุมเพื่อหาทางฟื้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐก็ได้ให้คำมั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะผลักดันมาตรการทางเศรษฐกิจผ่านที่ประชุมคองเกรสในทันทีที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. หากว่าสภาคองเกรสและทีมงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ไม่ได้ให้ความเห็นชอบพรบ.ใดๆออกมา
เมื่อปีที่แล้ว จีนมีตัวเลข GDP ในสัดส่วน 27% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าประเทศใดๆ ขณะที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับจีนในการเอาตัวรอดจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก