นักวิเคราะห์คาดว่า ภาคธุรกิจการเงินอาจต้องปรับลดพนักงานมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยคาดว่ายอดปลดพนักงานทั่วโลกจะพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าราว 350,000 ตำแหน่งภายในกลางปี 2552 จากปัจจุบันนี้ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 170,000 ตำแหน่ง
ไบรอัน ซัลลิแวน ซีอีโอของ CTPartners บริษัทจัดหาผู้บริหารระดับรายใหญ่อันดับ 6 ของโลกเปิดเผยว่า ยอดปรับลดพนักงานข้างต้นจะมีสัดส่วนเทียบเท่า 20% ของจำนวนพนักงานในสถาบันการเงินทั่วโลกก่อนที่วิกฤตสินเชื่อจะอุบัติขึ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีจำนวนเท่ากับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารทั่วโลกต่างแข่งกันปรับลดพนักงาน เนื่องจากวิกฤตตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ โดยภาคธุรกิจการเงินมีประสบกับปัญหาขาดทุนและได้ปรับลดมูลค่าทางบัญชีลงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซัลลิแวนกล่าวว่า วิกฤตการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุค Great Depression นี้จะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนในธุรกิจธนาคารให้ถอยหลังกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 60-80 เนื่องจากขณะนี้ธนาคารหลางแห่งไม่มีความสามารถในการกระตุ้นผลตอบแทนกลับคืนมา
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปเป็นตัวอย่างล่าสุดที่มีแนวโน้มปลดพนักงานเพิ่มมากขึ้นโดยวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนการลดพนักงาน 52,000 รายในปีหน้า หลังบริษัทขาดทุนเกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ นสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ซิตี้กรุ๊ปกำลังพิจารณาเรื่องการขายหุ้นในธนาคารเป็นบางส่วนหรืออาจจะทั้งหมด ขณะที่เมื่อวานนี้หุ้นซิตี้กรุ๊ปในตลาดนิวยอร์กร่วงลง 26%
ทั้งนี้ CTPartners ได้เบนเป้าหมายจากการหาบุคลากรป้อนให้ภาคธนาคารเป็นภาคธุรกิจอื่นๆ อาทิ อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ และพลังงานสะอาด เนื่องจากความต้องการผู้เชี่ยวชาญในภาคธุรกิจการเงินปรับตัวลดลง