ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะดีดตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี เนื่องจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในอินเดียที่ร่วงลง ส่งผลให้เกิดภาวะขาดดุลด้านการผลิตทั่วโลก โดยในปีนี้ ราคาน้ำตาลดิบพุ่งขึ้นถึง 30% แล้ว นับเป็นสถิติที่ดีดตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 และยังปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 15.41 เซนต์ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ICE ในสหรัฐเมื่อวานนี้ นับเป็นราคาที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2549
ไมเคิล แมคดูกัล รองประธานอาวุโสของนิวเอดจ์ ยูเอสเอ กล่าวว่า ราคาน้ำตาลอาจจะปรับตัวขึ้นอีก 30% ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และอาจจะปรับตัวขึ้นอีกถึง 20 เซนต์ในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524
คิงส์แมน เอสเอ ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์และบริษัทวิจัย รายงานว่า อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในโลกนั้น คาดว่าจะเพิ่มการนำเข้าน้ำตาลอีก 33% เป็น 4 ล้านเมตริคตัน ไปจนถึงปี 2553 เนื่องจากผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มน้ำอัดลมมากขึ้นรวมทั้งอาหารสำเร็จรูป องค์กรกาแฟสากลระบุว่า ยอดขาดดุลอาจจะอยู่ที่ 7.8 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนก.พ.ที่ 4.3 ล้านตัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า เจมส์ แคสิดี หัวหน้าเทรดเดอร์น้ำตาลของนิวเอดจ์ กล่าวว่า ในอนาคตยังคงมีแนวโน้มเรื่องการขาดดุลอยู่ และไม่คิดว่าการผลิตน้ำตาลในอินเดียจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้
ในขณะที่บราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกอ้อยรายใหญ่สุดนั้น คาดว่า จะเก็บผลผลิตได้มากกว่าเดิม 20% ปีนี้ และผลผลิตน้ำตาลก็คงจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการจากทั่วโลกได้ และช่องว่างอาจจะหดตัวลงมาเหลือ 4.9 ล้านตันในปีงบประมาณหน้า
ทั้งนี้ อินเดียผลิตอ้อยน้อยลงหลังจากที่รัฐบาลได้ขึ้นราคาขั้นต่ำผลผลิตธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าวสาลี เพื่อให้เกษตรกรหันมาผลิตธัญพืชเพื่อป้อนดีมานด์ภายในประเทศ นอกจากนี้ เกษตรกรยังได้รับการสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจเช่นกัน หลังจากที่มีปัญหาขาดแคลนเงินสดในการเดินหน้าโรงงานผลิตน้ำตาล ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำตาลสุทธิเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549