ประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน่ ของอินโดนีเซีย ตั้งเป้าลดดยอดขาดดุลงบประมาณ หลังจากที่เศรษฐกิจอินโดนีเซียสามารถหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยไปได้ และคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณจะลดลงมาเหลือ 1.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2553 จากระดับ 2.5% ในปีนี้ และคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 5% ในปีหนี้ และขยายตัวในจังหวะที่เร็วกว่าเดิมในปีต่อๆไป
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวกับรัฐสภาว่า อินโดนีเซียไม่สามารถหลบหลีกผลกระทบจากช่วงขาลงของเศรษฐกิจโลกได้ทั้งหมด แต่เศรษฐกิจอินโดนีเซียก็ฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากอินโดนีเซียได้ลงมืออย่างรวดเร็วและเหมาะสม
บลูมเบิร์กรายงานว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียปรับตัวขึ้นดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านในปีนี้ เนื่องจากอินโดนีเซียพึ่งการส่งออกน้อยกว่าประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย และเหตุระเบิดโรงแรมริทซ์ คาร์ลตัน และเจดับบลิว แมริออต เมื่อเดือนที่แล้วก็ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพียงเล้กน้อย ซึ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็คิดเป็นสัดส่วนเพียงเกือบ 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจมูลค่า 4.33 แสนล้านดอลลาร์
นายยุดโดโยโน่กล่าวว่า เป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2553 นั้นค่อนข้างจะเป็นตัวเลขที่ปลอดภัยและเหมาะสม อินโดนีเซียจะถอนตัวจากปล่อยเงินกู้ของธนาคารต่างประเทศมูลค่าถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ และให้ความสำคัญกับการปล่อยเงินกู้สกุลเงินรูเปียห์ในตลาดในประเทศ
เศรษฐกิจอินโดนีเซีนขยายตัวในระดับที่รวดเร็วสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงไตรมาสแรกที่ 4.4% ขณะที่เศรษฐกิจสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยหดตัวลงในช่วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก
ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซีนอาจจะขยายตัวมากกว่า 7% หากประธานาธิบดียุดโดโยโน่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงการหาเสียงเรื่องการปรับปรุงถนนหนทางที่การจราจรติดขัด ท่าเรือที่ถูกทิ้งไว้ และโรงงานไฟฟ้าที่เก่าแก่