ดอยช์แบงค์ เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของเยอรมนี เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3 พุ่งขึ้นแตะ 1.4 พันล้านยูโร หรือ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้แรงหนุนจากนโยบายเครดิตภาษี (tax credit) โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นสูงกว่ากำไรสุทธิปีที่แล้วถึง 3 เท่าที่ระดับ 435 ล้านยูโร และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 811 ล้านยูโร
โจเซฟ แอคเคอร์มาน ซีอีโอดอยช์แบงค์ กล่าวว่า ดอยช์แบงค์สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินและไม่ได้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากธนาคารได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งช่วยกระตุ้นรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ดอยช์แบงค์ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยดอยช์แบงค์ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในธนาคารที่สามารถทำกำไรได้ดีที่สุด ไม่น้อยหน้าเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และโกลด์แมน แซคส์
คริสทีน แกทติเคอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและยุทธศาสตร์จากแบงค์ จูเลียส แบร์ แอนด์ โค ในเมืองซูริค กล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่าดอยช์แบงค์เป็นหนึ่งในธนาคารที่สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ดีที่สุด และมีผลประกอบการที่ดีกว่าธนาคารคู่แข่งส่วนใหญ่"
ดอยช์แบงค์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาจากนโยบายเครดิตภาษีและการปรับโครงสร้างการตรวจสอบภาษีที่มีผลบังคับใช้ในช่วงหลายปีก่อน ซึ่งทำให้ธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีราว 1.3 พันล้านยูโร เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.19 พันล้านยูโร
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้นดอยช์แบค์พุ่งขึ้นไปแล้ว 99% แตะที่ 55.34 ยูโรในปีนี้ ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับธนาคารเป็น 3.4 หมื่นล้านยูโร