นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐอาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นควบคู่กับภาวะคึกคักในตลาดแรงงาน
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระกล่าวว่า ยอดส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐจะช่วยกระตุ้นการจ้างงานในปี 2553 ให้เพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทเอกชนได้ลดการจ้างงานไปราว 7.2 ล้านคนนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเดือนธ.ค.ปี 2550 โดยคาดว่าภาคการผลิตจะจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้าและยอดส่งออกสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะดีดตัวแตะ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10% ซึ่งจะทำให้อัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในปี 2552 อยู่ที่ระดับ 9.3% มากกว่าปี 2551 ที่ระดับ 5.8%
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดำเนินการทบทวนแผนกระตุ้นการจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงการสร้างถนนและสะพาน หรือเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและกระตุ้นการจ้างงาน เพราะการอัดฉีดเงินในโครงการก่อสร้างจะช่วยให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ คณะทำงานของโอบามายังพิจารณาเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเงินลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก
สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 2.8%ต่อปี เมื่อเทียบกับการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัว 3.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากยอดขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นรุนแรงและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคร่วง ลง