โยเซฟ แอคเคอร์มานน์ ซีอีโอดอยช์ แบงค์ เปิดเผยในที่ประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ยอดขายตราสารหนี้ของบริษัทนอกภาคการเงินทั่วโลก ปรับตัวลดลง 7% ในเดือนม.ค. 2553 เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าการที่รัฐบาลในหลายประเทศประสบความยากลำบากในการชำระหนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
รายงานระบุว่า ยอดขายตราสารหนี้ของบริษัทนอกภาคการเงินลดลงสู่ระดับ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ปี 2552 จากระดับ 4.95 หมื่นล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าระดับของปีที่แล้วที่ระดับ 1.27 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลราว 1.65% ณ วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจำนวนมากกังวลว่าการที่รัฐบาลในหลายประเทศประสบความยากลำบากในการชำระหนี้อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกรีซ สเปน โปรตุเกส และไอร์แลนด์ ที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตเนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้น ทำให้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า กรีซและโปรตุเกสต้องเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลดอันดับเครดิตอีก
ค่าเงินยูโรถูกกระหน่ำขายเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินสาธารณะของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงกรีซ โดยรัฐบาลกรีซเร่งระดมทุนอย่างหนักเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่มีอยู่เกือบ 13% ของตัวเลขจีดีพี ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของกรีซส่งผลให้ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีกหากรัฐบาลไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐไตรมาส 4 ปี 2552 พุ่งสูงขึ้นในอัตรา 5.7% ต่อปี ซึ่งทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี