กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.7% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรลดลงในอัตราน้อยลงที่ 20,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังเริ่มพ้นจากจุดต่ำสุด ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ระยะฟื้นตัวทีละน้อยนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ขยายตัวที่ระดับ 5.7% ต่อปี
อัตราว่างงานเดือนม.ค.ถือว่าเป็นบวกเมื่อเทียบกับระดับ 10.0% ในเดือนธ.ค.และพ.ย. และระดับ 10.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2526 ที่อัตราว่างงานพุ่งแตะ 10.2% เช่นกัน
สำหรับตัวเลขจ้างงานในเดือนม.ค.นั้น แม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วงขาลง แต่ก็เป็นการลดลงในอัตราที่น้อยมากเมื่อเทียบกับที่ร่วงลงถึง 150,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานระบุว่า ผู้ผลิตจ้างพนักงานเพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบสามปี ตลอดจนเพิ่มชั่วโมงทำงาน และเพิ่มค่าจ้าง ซึ่งอาจส่งผลสืบเนื่องให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น และจะนำไปสู่การขยายตัวอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยภาคการผลิตจ้างงานเพิ่ม 11,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. แต่ภาคการก่อสร้างลดการจ้างงานลง 75,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ภาคบริการ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นภาคที่ขับเคลื่อนการจ้างงานในสหรัฐ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง แต่ภาครัฐบาลเลิกจ้าง 8,000 ตำแหน่ง
สำหรับค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ แตะ 18.89 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานเดือนม.ค.จะทรงตัวที่ 10% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 15,000 ตำแหน่ง