FED เผยยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลง $1.15 หมื่นล้าน บ่งชี้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 8, 2010 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคในสหรัฐหดตัวลง 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเพียง 9 พันล้านดอลลาร์ และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 12 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคลดการกู้ยืมในช่วงที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับภาวะที่ไม่แน่นอนและตลาดแรงงานยังซบเซา

เฟดระบุว่า ยอดการกู้ยืมเงินที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.พ.นั้น ครอบคลุมถึงยอดการกู้ยืมจากบัตรเครดิตและเงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และหากแยกเป็นรายประเภทพบว่า ยอดการกู้ยืมเงินจากบัตรเครดิตลดลง 13.1% และยอดการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อรถยนต์ร่วงลง 1.6%

นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ยอดการกู้ยืมเงินที่หดตัวลงในเดือนก.พ.สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐยังคงอ่อนแอ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สามารถขยายตัวอย่างยั่งยืนได้ เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ซึ่งในขณะนี้ผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวนมากลังเลที่จะกู้ยืมเงินหากตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่รายได้ผู้บริโภคยังคงทรงตัว ซึ่งแม้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นติดต่อกันห้าเดือน แต่ก็บ่งชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นช้ามาก โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง หลังจากร่วงลง 14,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ขณะที่อัตราว่างงานเดือนมี.ค.ยังทรงตัวที่ 9.7%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคในสหรัฐที่หดตัวลงในเดือนก.พ.เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ