ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ยกระดับคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียประจำปีนี้และปีหน้า โดยพิจารณาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ช่วยกระตุ้นบรรยากาศทางการค้าให้คึกคักมากขึ้น
ADB ระบุในรายงานแนวโน้มการพัฒนาของเอเชียประจำปี 2553 ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียจะขยายตัวได้ 7.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวมาอยู่ที่ระดับ 7.3% ในปีหน้า ซึ่งตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจครั้งล่าสุดนี้ดีดตัวขึ้นจากที่เศรษฐกิจเคยเผชิญช่วงขาลงในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 5.2% แต่ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวต่ำกว่าระดับที่เคยขยายตัวได้ถึง 9.6% ในปี 2550
รายงานดังกล่าวระบุว่า การลงทุนมีแนวโน้มแข็งแกร่งเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายประเทศได้ประกาศใช้ไปตั้งแต่ปีที่แล้วยังคงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อัตราการบริโภคภาคเอกชนยังมีแววกระเตื้องขึ้นเนื่องจากแนวโน้มรายได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวในช่วง 2 ปีข้างหน้าจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นราว 4% ในแต่ละปี แต่เชื่อว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียจะอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ ขณะที่ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดโดยรวมอาจลดลงอีกในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่ายอดเกินดุลการค้าในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียปรับตัวลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันมาอยู่ที่ 4.9% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศในปี 2552 จากระดับสูงสุดที่ 6.5% ในปี 2550 ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าในปีนี้ยอดเกินดุลการค้าจะลดลงเหลือ 4.1% ในปีนี้ และจะร่วงลงไปแตะ 3.6% ในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ADB มองว่า ปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถือเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนทั้งในแง่ของเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวได้เตือนให้ระมัดระวังปัจจัยภายนอกที่มีความเสี่ยงอยู่หลายประการ อาทิ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มช้าลง รวมถึงการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยหนุนที่เป็นตัวกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชีย สำนักข่าวเกียวโดรายงาน