ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดส่งออก Q2/53 โต 30% แต่ H2 อาจชะลอ, ทั้งปีโต 17-24%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 22, 2010 16:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า จากที่ภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/53 ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมาย โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 31.6% ดังนั้นคาดว่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2/53 จะยังคงขยายตัวในอัตราสูงใกล้เคียงกัน และน่าจะมีผลให้การส่งออกของไทยช่วงครึ่งปีแรกมีโอกาสขยายตัวสูงถึง 30% ถ้าเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะชะลอลง ส่วนหนึ่งมาจากผลของฐานเปรียบเทียบ (Base Effect) ที่จะขยับสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการสินค้าในต่างประเทศยังต้องติดตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งหลายประเทศเริ่มทยอยถอยออกจากมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ดูจากธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และน่าจะมีทิศทางที่เข้มข้นขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องจับตานโยบายคุมเข้มทางการเงินและภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เพราะต้องยอมรับว่าจีนเป็นหัวจักรขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย หากอุปสงค์ของจีนชะลอลงจะมีผลต่อทั้งความต้องการและราคาสินค้าในตลาดโลกค่อนข้างมาก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 53 อาจขยายตัวสูงถึง 17-24% ถ้าเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 53 ขึ้นมาเป็น 4.2% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนม.ค.ที่ 3.9% และยังคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเป็น 4.3% ในปี 54 ซึ่งน่าจะเป็นที่คาดหวังได้ว่าภาคการส่งออกจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

"ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐอาจไม่สูงดังคาด หากรัฐบาลยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก ดังนั้น ภาคการส่งออกจึงกลายเป็นความหวังสุดท้ายที่จะประคับประคองเศรษฐกิจไทยในปี 53 ให้ฟื้นตัวต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

จากการที่การส่งออกเป็นความหวังหลักในการนำพาเศรษฐกิจไทยฝ่ามรสุมทางการเมืองที่กำลังเผชิญอยู่นี้ การดูแลภาคการส่งออกให้เติบโตต่อไปได้โดยไม่สะดุดจึงเป็นมาตรการสำคัญอันหนึ่งสำหรับรัฐบาลที่จะผลักดันเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 53 โดยแนวทางเร่งด่วนที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในด้านการส่งออกควรดำเนินการ คือ ในยามที่คู่ค้าในต่างประเทศอาจมีความกังวลต่อปัญหาการเมืองในไทย การประชาสัมพันธ์เชิงรุกเป็นมาตรการสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยลดความกังวลของลูกค้าในต่างประเทศ

ขณะที่ควรมีการจัดกิจกรรมในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าเข้าถึงคู่ค้าในตลาดเป้าหมายได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นการรักษาออร์เดอร์ไม่ให้ได้รับผลกระทบ เช่น งานแสดงสินค้า การจัดเวทีผู้ซื้อพบผู้ขาย หรือ Business Matching ทั้งนี้เนื่องจากการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศในช่วงระยะนี้อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่จะส่งผลให้บรรดาผู้นำเข้าในต่างประเทศบางส่วนอาจมีความกังวลต่อการเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมหรือการเจรจาธุรกิจในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ ภาครัฐควรมีการเตรียมแผนรองรับด้านระบบโลจิสติกส์ในกรณีฉุกเฉินหากมีเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อเส้นทางลำเลียงสินค้าส่งออกและนำเข้า เพื่อไม่ให้การส่งออกต้องสะดุด และควรมีการจัดเตรียมศูนย์ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ SMEs ในกรณีดังกล่าว เนื่องจาก SMEs ไม่มีเครือข่ายธุรกิจที่เข้มแข็งเหมือนกับธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ในการขยายตลาดส่งออก

สำหรับประเด็นเรื่องค่าเงินบาทซึ่งเป็นข้อกังวลของผู้ประกอบการหลายกลุ่มนั้น ทางการคงจะมีการติดตามดูแลให้เงินบาทมีการเคลื่อนไหวไม่ผันผวนหรือแข็งค่ารวดเร็วกว่าสกุลเงินอื่นๆ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการจะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งปรับตัวและปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ทั้งการลดต้นทุน, การขยายตลาดใหม่, การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อหลีกหนีตลาดที่แข่งขันสูงในด้านราคา รวมทั้งรักษาศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ