สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันสองวันทำการ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ที่ร่วงลงอย่างพลิกความคาดหมาย ส่งผลให้เกิดความกังวลครั้งใหม่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งอย่างที่คาดการณ์ไว้
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ไต่ขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 1,230.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,218.1 - 1,232.4 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดลดลง 12 เซนต์ แตะที่ 18.231 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.ดีดขึ้น 4.15 เซนต์ ปิดที่ 2.9040 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.20 ดอลลาร์ปิดที่ 1,535 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ขยับลง 75 เซนต์ ปิดที่ 448.55 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ราคาทองทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,254.50 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันอังคารที่ผ่านมา และร่วงลง 1.9% ในสองวันถัดมา โดยราคาทองที่ลดต่ำลงและความกังวลว่าเศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งต่างก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนเข้ามาซื้อทองเพื่อเก็งกำไรในยามที่สภาพเศรษฐกิจยังไม่มั่นคง และค่าเงินผันผวน
ค่าเงินยูโรแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์ แต่อ่อนค่าลงหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวัง
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน ส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคเริ่มอดออม ในขณะที่การจ้างงานชะลอตัว อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง และตลาดหุ้นผันผวน
ยอดค้าปลีกที่ลดลงในเดือนพ.ค.สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.6% และตัวเลขที่ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายนี้ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาคครัวเรือนจะเริ่มลดการใช้จ่าย หลังจากที่เพิ่งมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่ชะลอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ยังต้องการมีทองไว้ในครอบครองเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยสถานการณ์ในยุโรปไม่ได้ทำให้ราคาทองตกต่ำมากเหมือนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยในปีนี้ ทองคำปรับตัวสูงขึ้นแล้ว 12% ขณะที่เงินยูโรร่วงลง 16%