ตลท.เผยภาวะตลาดห้น ต.ค.53 ได้รับแรงหนุนหลักจากเม็ดเงินต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 10, 2010 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)รายงานสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำเดือน ต.ค.53 ว่า ยังได้รับแรงสนับสนุนจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน จากภาวะสภาพคล่องสูงในตลาดทุนโลกและปัจจัยพื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทย โดยผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 15,742 ล้านบาท

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 984.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.94% จากสิ้นเดือนก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 34,546.42 ล้านบาท ลดลง 15.31% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นถึง 27.88% เทียบกับเดือนตุลาคมของปี 2552 และปริมาณสัญญาซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 23,362 สัญญา ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะ Gold Futures ทำสถิติซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดที่ 6,448 สัญญา ตามการปรับขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก

สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของ SET และ mai ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,040,652 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.24% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 9,401.05 ล้านบาท

ภาวะตลาดโดยรวมยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาคที่ในเดือนนี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงเพิ่มมูลค่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในเอเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดทุนโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินรอบ 2 (QE II) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2553

ประกอบกับเครื่องชี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเซียที่ยังสะท้อนการขยายตัวของอุปสงค์ในภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับเสถียรภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยในกรณีของไทย ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีตามการปรับขึ้นของสินเชื่อ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุปสงค์ในประเทศที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

ในเดือน ต.ค.53 ดัชนีหลักทรัพย์รายกลุ่มธุรกิจที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.93% ตามด้วยกลุ่มทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น 5.58% ขณะที่ดัชนีของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างลดลง 3.68% จากเดือนก่อนหน้า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นคาดการณ์ (Forward P/E Ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ เดือนตุลาคม 2553 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 14.08 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค

ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 ผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 56,924 ล้านบาทหรือคิดเป็น 1.50 เท่า เมื่อเทียบกับการซื้อสุทธิของผู้ลงทุนต่างประเทศของทั้งปี 2552 ที่ซื้อสุทธิ 38,012.81 ล้านบาท ขณะที่ผู้ลงทุนในกลุ่มบุคคล กลุ่มสถาบันในประเทศ และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ต่างเป็นผู้ขายสุทธิในเดือนนี้

หากพิจารณาการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่าผู้ลงทุนยังคงให้ความสนใจมากขึ้นกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดธนาคาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน

หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามราคาตลาด พบว่าผู้ลงทุนสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดเล็กมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่ม Non-SET50 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 27.23% ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ 35.37%

ด้านจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายในเดือนก.ย.53 มีทั้งสิ้น 178,000 บัญชี ปรับเพิ่มขึ้น 24.38% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และ 4.89% จากเดือนก่อน นอกจากนี้ การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยจำนวนบัญชีการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 72,917 บัญชี ปรับเพิ่มขึ้น 46% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.89% จากเดือนก่อน ขณะที่สัดส่วนของมูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตต่อมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 25.9%

ด้านตลาดอนุพันธ์ในเดือนต.ค.53 มีปริมาณการซื้อขายตราสารอนุพันธ์รวม 461,874 สัญญา โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 23,362 สัญญา เพิ่มขึ้น 45.9% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4.73% จากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของ SET50 Index Futures SET50 Index Options และSingle Stock Futures

อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ Gold Futures ทำสถิติซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดที่ 6,448 สัญญา สูงสุดนับตั้งแต่ Gold Futures เริ่มเปิดการซื้อขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ในเดือนนี้ ตลาดอนุพันธ์เริ่มทำการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล (Interest Rate Futures) โดยมีปริมาณการซื้อขายเดือนแรก 20 สัญญา

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้มีการระดมทุนต่อเนื่อง โดยบริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 9,401.05 ล้านบาท แยกเป็นการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (Initial Public Offering) จำนวน 2 บริษัท คือ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) และ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) มูลค่าระดมทุน 120 และ 540 ล้านบาท

ขณะที่เป็นการระดมทุนในตลาดรองของ SET และ mai มีมูลค่ารวม 8,831.05 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการระดมทุนของ บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) และ บมจ. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) สำหรับภาพรวมการระดมทุนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 มูลค่าการระดมทุนรวม 81,353.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.11% ของมูลค่าการระดมทุนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 34,641.30 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ