GLOW เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกยังแข็งแกร่งโดยกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP)เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 ปัจจัยหลักคืออัตรากำไรจากการดำเนินงานและความต้องการกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ด้านโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 115 เมกะวัตต์เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.53
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน กลุ่ม บมจ.โกลว์พลังงาน(GLOW)กล่าวว่า ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของปี 53 บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 1,118.0 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เป็นจำนวน 3,531.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 2,669.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 ในช่วงไตรมาส 3/53 มีรายได้รวม 8,931 ล้านบาท ผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา(EBITDA) 2,257 ล้านบาท กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) จำนวน 931 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ จำนวน 1,804 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 53 มีรายได้รวม 27,249 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 7,308 ล้านบาท NNP อยู่ที่ 3,531 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 4,649 ล้านบาท
"ผลประกอบการจากการดำเนินงานหลัก ซึ่งรวมถึง EBITDA และ NNP สำหรับ 9 เดือนแรกยังอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทส่งผลให้โกลว์บันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เป็นจำนวนมาก"นายสุทธิวงศ์ กล่าว
ปัจจัยหลักมาจากอัตรากำไรจากการดำเนินงานและความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผล EBITDA สำหรับ 9 เดือนแรกปี 53 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.0 ในขณะที่ NNP เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0 โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับน่าพอใจ
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลงจากทั้ง 2 ไตรมาสก่อนหน้าเนื่องมาจากการลดลงของค่าความพร้อมในการผลิต ซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดดำเนินการตามแผนงาน ส่วนผลการประกอบการสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 53 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท ยอดจำหน่ายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากปริมาณไฟฟ้าและไอน้ำที่จำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และร้อยละ 2 ตามลำดับ ในด้านการดำเนินงานมีการหยุดดำเนินการนอกแผนงานของธุรกิจ Cogeneration และธุรกิจ IPP เล็กน้อย ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพสำหรับไตรมาส 3/53
นายสุทธิวงศ์ กล่าวว่า แม้ผลประกอบการจะได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการของลูกค้าและอัตรากำไรจากการดำเนินงาน แต่การแข็งค่าของค่าเงินบาทกลับส่งผลกระทบในทางลบต่อกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ของกลุ่มบริษัท
ส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กฟผ. เนื่องจากค่าความพร้อมจ่ายและค่าพลังไฟฟ้าจะอ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสหรัฐโดยตรง ตามหลักการกลุ่มบริษัทมีนโยบายในการบริหารความเสี่ยงโดยการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของกระแสเงินสดคงเหลือ (Free Cash Flow) ดังนั้น แม้ว่ากระแสเงินสดคงเหลือภายหลังการชำระหนี้ของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการแข็งของค่าเงินบาทไม่มากนัก แต่อาจส่งผลกระทบต่อ NNP ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบริษัทประเมินว่าผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อ NNP ในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม GLOW กล่าวว่า ภายในสิ้นปี 54 บริษัทจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์และโครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 660 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้แก่กลุ่มบริษัทต่อไป
อนึ่ง ในเดือน พ.ย.53 โรงไฟฟ้าถ่านหินโรงใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา