ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป พร้อมกับขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ จีน และอังกฤษ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานทะยานขึ้นด้วย
ดัชนี FTSE 100 ทะยานขึ้น 114.23 จุด หรือ 2.07% ปิดที่ 5,642.50 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,528.27 - 5,656.22 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะใช้มาตรการยับยั้งวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นช่วงเย็นวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของอังกฤษ สหรัฐ และจีน โดย Markit/CIPS เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 58 จุด จากระดับ 55.4 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 16 ปี
ขณะที่สหรัฐระบุว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตในเดือนพ.ย.ขยายตัวสู่ระดับ 56.6 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 55.2 จุด เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 54.7 จุด
หุ้นริโอทินโตปิดพุ่ง 3.1% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 5.8% หลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกทะยานขึ้นขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ
นอกจากนี้ การที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นด้วย โดยดัชนี FTSE 350 Banks Index พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิพุ่ง 6.1% หุ้นธนาคารลอยด์ปิดบวก 6%
หุ้นพรูเดนเชียลปิดพุ่ง 5.5% หลังจากมีรายงานว่า พรูเดนเชียลวางแผนที่จะทำกำไรให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในตลาดเอเชียภายในปี 2555 ขณะที่หุ้นเอวิวา ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ปิดพุ่ง 4.1% และหุ้นเลกัล แอนด์ เจนเนอรัล กรุ๊ป ปิดบวก 3.5%