
นางจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้า [EGCO] เปิดเผยว่า การดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี 68 EGCO Group จะมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการเตรียมปิดดีลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Wheatsborough กำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐอเมริกา และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่มีปริมาณน้ำมากขึ้นตามฤดูกาล รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement - PSA) ฉบับใหม่ กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 15 ปี ในไตรมาสที่ 4

ขณะเดียวกัน EGCO Group ยังคงแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการลงทุนรูปแบบ M&A และ Greenfield รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน 2-3 โครงการ แนวทางดังกล่าวตอกย้ำพันธกิจของ EGCO Group ที่ "มุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 68 ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม EGCO Group ยังคงสามารถบริหารและจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิง ต้นทุนทางการเงิน และสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group ในไตรมาสที่ 2 ถึงปัจจุบันคือ การปิดดีลซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Downeast Wind กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกจาก 2 แห่ง ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐอเมริกา ที่ EGCO Group เข้าถือหุ้น ขณะเดียวกัน CDI Group บริษัทให้บริการครบวงจรด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่ง EGCO Group ถือหุ้น 30% ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก EGCO Group มีรายได้ 22,198 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 3,504 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี น้ำเทิน 1 บ้านโป่ง Compass รวมถึง CDI Group ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 2 แห่ง ตามกลยุทธ์ "Triple P" ที่เน้นนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ คือ การขายสินทรัพย์ในระยะเวลาที่เหมาะสม และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นผลมาจากการแข็งค่าของค่าเงินวอนต่อเงินดอลลาร์
ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/68 EGCO Group รับรู้รายได้ 11,360 ล้านบาท และรับรู้กำไรจากการดำเนินงาน 1,895 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ไซยะบุรี APEX และ CDI Group ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง