บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ [GPSC] เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 1,742 ล้านบาท ลดลง 277 ล้านบาท หรือ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 สาเหตุหลักเนื่องจากเงินปันผลรับและส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า แตกำไรเพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไร 770 ล้านบาท
ผลประกอบการหลักยังคงปรับตัวดีขึ้นจากกำไรขั้นต้น จำนวน 5,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 594 ล้านบาท หรือ 12%QoQ และเพิ่มขึ้น 9% YoY สาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลับมาดำเนินการผลิตหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน และเป็นไปตามอุปสงค์ของตลาด (Market Demand) ที่ปรับตัวดีขึ้น
ประกอบกับ ราคาเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง แม้ว่าค่า FT ปรับลดลง โรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน มีค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energy margin) เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการถ่านหินอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างรายได้ค่าถ่านหินที่สามารถเรียกเก็บจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และต้นทุนราคาถ่านหินเฉลี่ยทางบัญชีลดลง โรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพี สาเหตุหลักมาจากค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energy margin) เพิ่มขึ้น จากการเรียกรับไฟฟ้าจาก กฟผ.เพิ่มขึ้น โรงไฟฟ้าห้วยเหาะ รายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ขณะที่โครงการ CFXD มีผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงตามปัจจัยของฤดูกาล โดยช่วงไตรมาส 3/68 ของแต่ละปี เป็นช่วงนอกฤดูกาล (Low Season) ประกอบกับรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของโครงการ CFXD ที่มีผลจากเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่อ่อนค่า และมีการรับรู้หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจากการปรับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานจริง (การปรับอายุการใช้งานให้ยาวขึ้นจะส่งผลให้ค่าเสื่อมราคามีการปรับตัวลดลง) รวมถึงโครงการ AEPL ผลประกอบการลดลงตามฤดูกาล และไม่มีรายการพิเศษจากการรับรู้รายได้ทางภาษีจากการปรับปรุงภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเช่นเดียวกับไตรมาส 2/68
ด้านโรงไฟฟ้า XPCL ผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและอิทธิพลของพายุ RAGASA และ BUALOI NL1PC ผลประกอบการดีขึ้นจากการรับรู้กำไรทางบัญชีจากการปรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EDL ในเดือนกันยายน ปี 2568 โดยในไตรมาส 3/68 บริษัทมีเงินปันผลรับ จำนวน 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48 ล้านบาท จากเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวด 9 เดือนปี 68 กำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 4,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,838 ล้านบาท หรือ 60% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 67 สาเหตุหลักเนื่องจากรายได้และค่าใช้จ่ายอื่น จำนวน 1,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 664 ล้านบาท หรือ 70% การรับรู้กำไรจากการขายหุ้น 3.03% ในโครงการ AEPL จำนวน 788 ล้านบาท ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยรับลดลง สาเหตุหลักจากเงินฝากสกุลดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินเยนลดลง
ต้นทุนทางการเงิน จำนวน 3,913 ล้านบาท ลดลง 567 ล้านบาท หรือ 13% จากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และจ่ายคืนเงินกู้ก่อนกำหนด และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิน 235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 481 ล้านบาท (งวด 9 เดือนปี 67: ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 246 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจาก กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงจากการขายหุ้น 3.03% ใน โครงการ AEPL ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่บริษัท GRSCTW กู้ผ่านบริษัท GPSCTC เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการ CFXD โดยสิ้นงวด 9 เดือนปี 68 ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2567 ที่ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่อ่อนค่า
เงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท (งวด 9 เดือนปี 67: 20 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้า XPCL ผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและปรากฏการณ์ลานีญา ประกอบกับในไตรมาส 3/67 มีการหยุดเดินเครื่องจำนวน 17 วัน ขณะที่ในปี 68 เดินเครื่องตามปกติ AEPL ผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น และมีการรับรู้รายได้ทางภาษีในไตรมาส 2/68 ซึ่งรับรู้เป็นขาดทุนในปี 64 จากการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อนกำหนดในปี 64
โครงการ NL1PC ผลประกอบการดีขึ้นจากการรับรู้กำไรที่เกิดจากการปรับเงื่อนไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EDL ในเดือนกันยายน 568
โครงการ CFXD รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ประกอบกับมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 ขณะที่ต้นทุนทางการเงินและค่าเสื่อมราคาของ CFXD เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องรับรู้เต็มจำนวนหลังจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์
TSR ผลประกอบการลดลงเนื่องจาก Adder หมดอายุทั้งหมดในเดือนมิถุนายน 67 ประกอบกับในเดือนมิถุนายน 68 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Shared Purchase Agreement: SPA) และได้รับรายได้จากการขายหุ้นดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 68 ดังนั้น จึงหยุดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ TSR ในช่วงเวลาเดียวกัน
ด้านกำไรขั้นต้น จำนวน 16,089 ล้านบาท ลดลง 53 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจาก กำไรผันแปร (Contribution Margin) ลดลง จากโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จากโรงไฟฟ้าศรีราชา ค่าความพร้อมจ่ายปรับตัวลดลงเนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าครบตามชั่วโมงที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเดือนพฤษภาคม 68 โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) สาเหตุหลัก 1) ปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลงเนื่องจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโกลว์เอสพีพีสาม (GSPP3) กับ กฟผ. หมดอายุในเดือนสิงหาคม 67 และเดือนมีนาคม 68 2) ค่าเชื้อเพลิงและค่า FT ปรับตัวลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักมาจากค่าเบี้ยประกันภัยโรงไฟฟ้าลดลง เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงและมาตรการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไม่มีเหตุการณ์กระทบการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยของโรงไฟฟ้าลดลงในปี 68