ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 388,203 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 20, 2012 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (13 - 17 กุมภาพันธ์ 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 388,203 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 77,641 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 12% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 82% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 319,097 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 58,737 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,618 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ รุ่น ILB217A (อายุ 9.4 ปี), LB17OA (อายุ 5.6 ปี) และ LB155A (อายุ 3.3 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 11,046 ล้านบาท 9,293 ล้านบาท และ 6,587 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12306A (อายุ 14 วัน), CB12228A (อายุ 14 วัน) และ CB12315C (อายุ 29 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 88,889 ล้านบาท 31,702 ล้านบาท และ 27,557 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB203A (AA)) มูลค่าการซื้อขาย 1,011 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI12NA (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 673 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL12OA (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 651 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ตลอดทั้งเส้น หรือโดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 5 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลงประมาณ 12% ในขณะที่สถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) เริ่มมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีบางประเทศถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อลงไปอีก (อิตาลี สเปน และโปรตุเกส ถูกปรับลดความน่าเชื่อถือของประเทศลง 1 ขั้น 2 ขั้น และ 1 ขั้นตามลำดับ) แต่การยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือของประเทศจีน ด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่าจะลงทุนในกองทุนของยุโรป (Bailout Funds) และคงสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ในสกุลเงินยูโรต่อไป มีผลทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในกลุ่มเอเชียรวมถึงประเทศไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน ซึ่งการที่เม็ดเงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงเช่นตลาดหุ้นอีกครั้ง จึงน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลทำให้มูลค่าการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ปรับตัวลดลงสวนทางกัน

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ 40,216 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ โดยที่มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดมากเท่าใดนัก และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องประมาณ 509 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ