นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียน เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานของสมาคมบจ.ในปี 2555-2557 ซึ่งนโยบายหลักจะมีการผลักดันเรื่องปรับโครงสร้างภาษีเพื่อรองรับการพัฒนาตลาดทุนไทยสมาคมบริษัทจดทะเบียนจะเร่งผลักดันเพื่อให้บริษัทจดทะเบียนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและส่งเสริมให้บริษัทต่างๆใช้ช่องทางการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นช่องทางเลือกในการระดมทุน และรองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC)โดยได้ดำเนินการทั้งเรื่องกฎหายและกฎระเบียบ ซึ่งเป็นแผนระยะสั้น 1-2 ปี และแผนระยะ 2-3 ปี ทั้งนี้ในปี 2555 จะเร่งผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเพื่อลดภาระทางภาษีของบริษัทที่ต้องการควบรวมกิจการโดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการควบรวมกิจการเพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มสภาพคล่องให้กิจการรวมทั้งเพิ่มขนาดมูลค่าหุ้นตามราคาตลาดเพื่อสร้างความน่าสนใจในการลงทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆที่ขนาดลางและขนาดเล็กที่จะควบรวมกิจการมักเกิดขึ้นน้อยจากทัศนคติของผู้บริหารที่กังวลว่าจะสูญเสียอำนาจในการบริหารรวมทั้งความซับซ้อนในการควบรวมจึงต้องสร้างจูงใจเรื่องการยกเว้นภาษี โดยกิจการที่สนใจควบรวมกิจการ อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เกษตร
“ตอนนี้คณะทำงานร่วมมีความคืบหน้าค่อนข้างมากแล้วร่างกฎหมายผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว เหลือประชุมอีก 1-2 นัด ก็น่าจะประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาได้คงได้เห็นกฎหมายนี้ในปี55 และคงจะได้เห็นการควบรวมกิจการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก"
นอกจากนี้จะมีการผลักดันกฎหมายการยกเว้นภาษีเงินปันผลจากเงินลงทุนของกิจการซึ่งที่ผ่านมาต้องเสียภาษีจากการลงทุนในฐานะนิติบุคคลขณะที่บุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนไทยในต่างประเทศซึ่งภาครัฐต้องช่วยสร้างกลไกและส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศโดยการไม่ต้องเสียภาษีหากลงทุนและต้องการนำเงินกลับประเทศเพราะที่ผ่านมาการลงทุนในต่างประเทศนอกจากเสียภาษีให้กับประเทศที่ไปลงทุนแล้วยังเสียภาษีในการนำเงินกลับข้าประเทศอีกจึงกลายเป็นว่าต้องเสียภาษีสองต่อ
“ตอนนี้หลายบริษัทจดทะเบียนไปลงทุนในต่างประเทศแต่ไม่ค่อยอยากนำเงินกลับเพราะต้องเสียภาษีสองต่อ หากต้องการสร้างความน่าสนใจลงทุนและดึงดูดใจให้เกิดการลงทุนและนำเงินกลับประเทศก็ควรยกเว้นภาษีและเป็นการรองรับการเปิดเสรีอาเซียนที่จะเกิดการเคลื่อนไหวเงินทุนในอาเซียนที่สูงขึ้นจากปัจจุบันที่หลายบริษัทก็ลงทุนในอาเซียนค่อนข้างมาก ทั้ง ปูนใหญ่ (SCC) สมบูรณ์แอดวานซ์ (SAT)"
สำหรับในเดือนมิถุนายนนี้ทางสมาคมบจ.จะเป็นตัวกลางในการจัดสัมมนา ซึ่งจะเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังมาแลกเปลี่ยนมุมมองกับบริษัทจดทะเบียนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรได้บ้างเพื่อส่งเสริมให้บจ.มีการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาทางธปท.ให้ความเห็นชอบที่จะให้บจ.ไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ เพราะช่วยทำให้ธปท.มีการบริหารค่าเงินได้สะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาสมาคมบริษัทจดทะเบียนประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ลดการเก็บภาษีนิติบุคคลบริษัทจดทะเบียนให้เหลือ 23% ในปี 2555และเหลือ 20% ในปี 2556 จากเดิมที่ 30% ซึ่งจะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลดภาระทางภาษีลงและสร้างอำนาจในการแข่งขันกับต่างประเทศรวมทั้งจะดึงดูดให้บริษัท ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศหันมาใช้ช่องทางตลาดทุนในการระดมทุนและเลือกตลาดหุ้นไทยในการระดมเงินโดยจะสร้างทั้งความแข็งแกร่งให้ภาคเอกชนและสร้างฐานนักลงทุนไทยโดยยังมีหลายบริษัทขนาดใหญ่รวมทั้งรัฐวิสาหกิจไทยหลายแห่งที่รอความชัดเจนด้านกฎหมายเพื่อตัดสินใจระดมทุนซึ่งที่ผ่านมาสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และกำกับหลักทรัพย์(กลต.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อผลักดันกฏหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทย