“การปรับลดจำนวนสัญญานี้เป็นไปเพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณธุรกรรมในตลาด TFEX อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การทำธุรกรรม Block trade ที่จำนวนขั้นต่ำที่ 25 สัญญานี้ คิดเป็นมูลค่าขั้นต่ำประมาณ 5—25 ล้านบาท เช่น Gold Futures ขนาด 50 บาท มีมูลค่าต่อสัญญาประมาณ 1 ล้านบาท ดังนั้น จำนวนขั้นต่ำแบบใหม่ที่ 25 สัญญา จึงคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งปรับลดจากเดิมที่มีปริมาณขั้นต่ำที่ 100 สัญญา หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท" นางเกศรากล่าว
การซื้อขายแบบ Block Trade ใน TFEX นี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับการซื้อขาย Big Lot ของตลาดหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้มีการตกลงซื้อขายรายการที่มีขนาดใหญ่ โดยข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์นั้นต้องเป็นรายการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านหุ้น หรือ 3 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับ Stock Futures ได้มีการปรับปรุงจำนวนสัญญาขั้นต่ำในการทำ Block Trade เป็น 25 สัญญาสำหรับ Stock Futures ที่อ้างอิงกับ 20 หุ้นอ้างอิง ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), ท่าอากาศยานไทย (AOT), บ้านปู (BANPU), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH), โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH), กรุงเทพประกันชีวิต (BLA), โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC), ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP), ปตท. (PTT), ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH), ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS), ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ปูนซิเมนต์ไทย (SCC), ไทยออยล์ (TOP) และ ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ในขณะที่ Stock Futures อีก 40 หุ้นนั้นยังคงมีจำนวนสัญญาขั้นต่ำของธุรกรรม Block Trade ที่ 100 สัญญาเช่นเดิม
“ที่ผ่านมาผู้ลงทุนสนใจซื้อขายแบบ Block trade พอสมควร โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการซื้อหรือขายครั้งละหลายๆสัญญา หรือในกรณีที่สินค้านั้นมีสภาพคล่องไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยสามารถติดต่อได้ที่โบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของ TFEX เพื่อทำธุรกรรมนี้" นางเกศรากล่าว