หุ้น GLOBAL อยู่ที่ 14.80 บาท ลดลง 0.30 บาท(-1.99%)มูลค่าซื้อขาย 3.57 ล้านบาท
หุ้น HMPRO อยู่ที่ 8.20 บาท ลดลง 0.10 บาท(-1.20%)มูลค่าซื้อขาย 22.12 ล้านบาท
บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า การยกระดับชุมนุมทางการเมืองด้วยการปิดพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ 7 จุดตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.เป็นต้นไป รวมทั้งการเพิ่มมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทยของ บล.ภัทร(House View)ล่าสุดได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือ 2.8% จาก 4.3% และคาดว่าครึ่งปีแรก GDP จะขยายตัวเพียง 0.6% ทำให้มองเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มค้าปลีกมากขึ้น และอาจกระทบยอดขายครึ่งปีแรก จากการสอบถาม HMPRO และ GLOBAL ให้ความเห็นสอดคล้องมุมมองว่ามีโอกาสเห็นยอดขายครึ่งปีแรกชะลอตัวต่อจาก 4Q56
ทั้งนี้ การปรับลด GDP และการเมืองที่ร้อนแรง ทำให้ประเมินว่าจะมีความเสี่ยงต่อ HMPRO, CPALL, GLOBAL ทำให้มีโอกาสที่กำไรจะต่ำกว่าประมาณการ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตรายได้ของสาขาเดิม(SSSG)จากการศึกษาข้อมูลพบว่า SSSG มักจะเติบโตสูงกว่า GDP
หากอิงกับ GDP Growth ใหม่เพื่อวิเคราะห์ความอ่อนไหวของมูลค่าเหมาะสมโดยปรับลดสมมติฐาน SSSG ลงมาที่ 3% จะทำให้มูลค่าเหมาะสมของหุ้นทั้ง 3 บริษัท ลดลงจากเดิมราว 2-3 บาท โดย GLOBAL จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจาก SSSG ลดลงจากกรณีปกติมากกว่าบริษัทอื่น ทำให้มูลค่าเหมาะสมจะลดลงราว 3 บาท แต่หากเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับลงมา 21% จากเดือน พ.ย. ที่เริ่มมีการชุมนุมการเมือง เชื่อว่าได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงจากการลดลงของ SSSG ไปมากแล้ว
ในเบื้องต้นคาดว่าผลการดำเนินงานจากธุรกิจปกติ 4Q56 กลุ่มค้าปลีกที่ศึกษา (CPALL GLOBAL HMPRO KAMART) จะมีกำไรลดลงเล็กน้อย 5% QoQ รวม 3,807 ล้านบาท จากผลกระทบเศรษฐกิจและกำลังซื้อหดตัวทำให้ SSSG อ่อนตัวลง
คาดว่าจะมีเพียง HMPRO บริษัทเดียวที่มีกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ดีกว่ากลุ่มฯ เนื่องจาก SSS growth คาดว่าจะเติบโต 2.5% ประกอบกับมีผลบวกจากยอดขายงาน Homepro Expro และขยายสาขาใหม่ตามแผน 4 สาขา ขณะที่ GLOBAL คาดว่าจะมีกำไรที่จะหดตัวลง 3% QoQ เนื่องจากมีผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในสาขาภาคอีสาน ทำให้ SSSG คาดว่ามีโอกาสติดลบต่อเนื่อง