"ทิสโก้ เวลธ์"ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าโต 30%, AUM เพิ่ม 20%แตะ 2.5 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 3, 2014 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าสายธุรกิจธนบดี ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า “ทิสโก้ เวลธ์" (TISCO Wealth) ตั้งเป้าหมายในปีนี้จะขยายฐานลูกค้าเพิ่ม 30% หรืออยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 20% หรืออยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ด้วยความพร้อมในปัจจุบันของ ทิสโก้ เวลธ์ ทั้งคุณภาพของงานวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และความชำนาญในการให้คำปรึกษาโดยทีมงานคุณภาพ ตลอดจนบริการที่ดีและสิทธิประโยชน์ที่มอบให้ลูกค้า เราจึงมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทิสโก้ เวลธ์ บริการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ ทั้งบริการธนาคาร, บริหารจัดการกองทุน และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายใต้วิสัยทัศน์การให้คำแนะนำที่ดีที่สุด (Top Advisory) ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถขยายจำนวนฐานลูกค้า และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ได้อย่างโดดเด่น โดยตั้งแต่ให้บริการ ทิสโก้ เวลธ์ อย่างเต็มรูปแบบตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือน ม.ค. 57 มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 118,000 ราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ประมาณ 188,000 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2557 นายพิชากล่าวว่า ทิสโก้ เวลธ์ มุ่งเน้นจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาการลงทุนต่างประเทศที่ครอบคลุมทั่วโลก (Global Wealth Advisory) เพื่อรองรับทุกความต้องการ และทุกสถานการณ์ภายใต้พลวัตเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยความแตกต่างอย่างโดดเด่น 3 ประการที่สำคัญของ ทิสโก้ เวลธ์

ได้แก่ 1. คุณภาพงานวิจัยเชิงกลยุทธ์ (Research quality) โดยทีมงานคุณภาพจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU) ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับด้านงานวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากล มีความเชี่ยวชาญ และสามารถให้ข้อมูลในเชิงลึกครอบคลุมแนวโน้มเศรษฐกิจทุกภูมิภาคทั่วโลก และการลงทุนทุกประเภทสินทรัพย์ ที่ให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึงผ่านช่องทางต่างๆ ในขณะที่รายอื่นในตลาดอาจจะมุ่งไปเพียงบางประเทศ หรือบางสินทรัพย์ พิสูจน์ได้จากในปีที่ผ่านมา ทิสโก้เป็นรายแรกๆ ที่ออกบทวิเคราะห์และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และล่าสุดคือเอเชียเหนือ เนื่องจากเห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจญี่ปุ่น และเอเชีย ทำให้ลูกค้าได้รับโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากลงทุนได้อย่างน่าพอใจ

2. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุมทั่วโลก (Product innovation) โดยปัจจุบันทิสโก้ เวลธ์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สนองความต้องการของลูกค้าที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลามาอย่างต่อเนื่อง และมีจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านการลงทุนในตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ลูกค้าที่ต้องการทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย นอกเหนือจากในประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ ทิสโก้ เวลธ์ คือผลิตภัณฑ์กองทุนรวมต่างประเทศ โดย บลจ. ทิสโก้ ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ถึงผลความสำเร็จได้อย่างชัดเจน

และ 3. ที่ปรึกษาการลงทุนที่พร้อมให้คำแนะนำ (Consultative Sales) บุคลากรของทิสโก้เวลธ์ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง และมีความเป็นมืออาชีพ และมีสัดส่วนเจ้าหน้าที่การตลาดที่ได้รับใบอนุญาตแนะนำการลงทุน (Single License) มากถึง 93% ของเจ้าหน้าที่การตลาดทั้งหมดทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม จึงสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ทางด้าน นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวถึงความพร้อมของผลิตภัณฑ์ของ บลจ.ทิสโก้ เพื่อสอดรับไปกับวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำการลงทุนต่างประเทศของ ทิสโก้ เวลธ์ ว่า ในปีนี้ บลจ. ทิสโก้ จะมุ่งพัฒนากองทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะกองทุนที่ลงทุนในประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ ซึ่งเป็น 2 กลุ่มประเทศดาวเด่นที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานและราคาหุ้นอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจลงทุน ตามมุมมองของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ดังกล่าว

“ปีนี้เรามองว่า กองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ จะยังคงเป็นตัวชูโรงเช่นเคย เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน และสามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนด หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเหมาะกับการลงทุนในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน และเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมากองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของทิสโก้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากผลงานการบริหารกองทุนอันโดดเด่น โดยสามารถปิดกองทุนได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ก่อนครบอายุโครงการได้เป็นส่วนใหญ่ จึงมั่นใจว่าในปีนี้กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของทิสโก้ จะยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เด่นในปีนี้ และได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเคย

*ชี้ “ญี่ปุ่น-เอเชียเหนือ" น่าเข้าลงทุน

ด้าน ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) กล่าวถึงภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในปีนี้ว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ประเทศที่น่าสนใจและแนะนำให้ลงทุนในปีนี้ คือ ญี่ปุ่น และเอเชียเหนือ โดยสำหรับญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225 ปรับฐานอย่างรุนแรงนับจากต้นปี เนื่องจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น จากความกังวลต่อปัญหาเงินทุนไหลออกในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในญี่ปุ่น เนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวของกำไรที่โดดเด่น โดยคาดการณ์ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Nikkei 225 จะเติบโตขึ้นราว 17% ในปี 2014 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ เช่น สหรัฐฯและยุโรป ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของกำไรอยู่ที่ประมาณ 7-10% เท่านั้น ในขณะที่ P/B ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว

สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ อันประกอบด้วยจีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจเข้าลงทุนในปีนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจาก 1) แนวโน้มการส่งออกยังที่ขยายตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้ว 2) ค่าเงินที่อ่อนลงจากความกังวลในรอบนี้ซึ่งช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทจดทะเบียน และ 3) Valuation ที่น่าสนใจ โดยส่วนต่างค่า P/E ระหว่างตลาดสหรัฐฯ และเอเชียอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี และยังเทรดที่ P/E และ P/B ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งด้วยแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับ Valuation ที่ยังถูก จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเหนือสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ