เกษตรไทยฯ คาดเสนอขาย IPO 957 ล้านหุ้น 21-23 เม.ย. เข้าเทรด SET 28 เม.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 3, 2014 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหนาที่บริหารกลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) เปิดเผยว่า บริษัทฯจะมีการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 957,827,000 หุ้น ในวันที่ 21-23 เม.ย.นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้เบื้องต้นในวันที่ 28 เม.ย. 57

บมจ. เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น ประกอบธุรกิจผลิตน้ำตาลและจำหน่ายน้ำตาลทราย และธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจผลิตจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล และธุรกิจผลิตจำหน่ายไฟฟ้า โดยกลุ่ม KTIS เป็นผู้ประกอบธุรกิจน้ำตาลเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ขณะที่มีโรงงานน้ำตาลโรงเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังการผลิต 5.5 หมื่นตันอ้อย/วัน โดยมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,888,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,274,573,000 บาท ราคาพาร์ที่ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 957,827,000 หุ้น โดยเป็นหุ้นเพิ่มทุน 585,427,000 หุ้น และหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม 327,400,000 หุ้น ซึ่งรวมหุ้นที่ออกและเสนอขายทั้งหมดเท่ากับ 24.64% ของทุนจดทะเบียน

ทั้งนี้ บริษัทฯยังไม่สามารถกำหนดสัดส่วนการขาย IPO ได้ว่าจะเป็นของนักลงทุนสถาบัน,นักลงทุนรายย่อย และชาวไร่ จำนวนเท่าไหร่ แต่ได้กำหนดเป็นมูลค่าของการเข้าซื้อ IPO ของกลุ่มผู้ถือหุ้นสิงคโปร์ ที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯย่อย ซึ่งได้มูลค่า 2,082.3 ล้านบาท เนื่องด้วยบริษัทฯมีการปรับโครงสร้างของผู้ถือหุ้นก่อนจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาลของบริษัทฯ ซึ่งจะมีการลงทุนสร้างโรงงานปุ๋ยชีวภาพ ใช้งบลงทุนจำนวน 50 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในปีนี้ ลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อย 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 100 เมกกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งนี้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวม 76 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจำนวน 1,920 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการเสร็จได้ภายในปีนี้ รวมถึงลงทุนในโครงการผลิตน้ำเชื่อมและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ จะใช้เงินลงทุนจำนวน 980 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในปี 58 และที่เหลือจะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ

นายประพันธ์ คาดว่ารายได้ปี 57 ยังคงเป็นรายได้จากน้ำตาลเป็นหลัก ซึ่งจะเติบโตตามราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากผ่านจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมน้ำตาลมาแล้ว โดยที่ผ่านมาราคาน้ำตาลปรับตัวดีขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 17-18 เซนต์ต่อปอนด์ จากเดิมราคาน้ำตาลเฉลี่ยอยู่ที่ 14.75 เซนต์ต่อปอนด์ ขณะเดียวกันยังต้องรอดูสภาวะอากาศที่หน่วยงานของออสเตรเลียได้ทำการวิเคราะห์ไว้ว่าในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้จะเกิดเหตุการณ์เอลนินโญ่ หรือประสบภัยพิบัติแล้งในประเทศไทย และมีฝนตกหนักในประเทศบราซิล

"ราคาน้ำตาลดูดีกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้น โดยที่ผ่านมาราคาน้ำตาลปรับตัวลงไปอยู่ที่ 14.75 เซนจ์ต่อปอนด์ ทำให้มีการชะลอการปลูกอ้อยในหลายประเทศ ขณะที่ในต่างประเทศโดยเฉพาะบราซิลมีการคาดว่าจะประสบภัยแล้งที่สุดในรอบ 20 ปี"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ