สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF1YS จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ด้านกองทุน KEFF6MAC จะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ VakifBank,ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกงและตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียวก็ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีอี (KFI6MCE) และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีแอล (KFI3MEL) โดยกองทุน KFI6MCE เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ และธนาคารธนชาต
ด้านกองทุน KFI3MEL เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation และเงินฝาก Agricultural Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทิสโก้ โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท