ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 409,752 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 28, 2014 18:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์(21 – 25 กรกฎาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม409,752 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 81,950 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 4% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 69% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 280,727 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง(Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 85,752 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,777 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.9 ปี) LB176A (อายุ 2.9 ปี) และ LB236A (อายุ 8.9 ปี)โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 22,483 ล้านบาท 14,191 ล้านบาท และ 9,612 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14O30A(อายุ 97 วัน) CB14813A (อายุ 15 วัน) และ CB14O24B (อายุ 92 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 34,366 ล้านบาท 28,137 ล้านบาท และ 23,786 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT158A(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 847 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) รุ่น DTAC167A(AA) มูลค่าการซื้อขาย 548 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) รุ่น SCC19OA(A) มูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท

อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาล ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น ในช่วงประมาณ -1 ถึง -6 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%)จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบในแถบยุโรป และพัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ล่าสุด IMF ได้ออกมาปรับลดประมาณการ GDP ปี 2014 ของสหรัฐฯ ลงจาก 2.0% มาอยู่ที่ 1.7% ทำให้ตลาดในภูมิภาคเอเชียกลายมาเป็นจุดสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นได้จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการคาดการณ์ว่าสภาพัฒน์อาจจะปรับประมาณการ GDP ปีนี้ให้เติบโตสูงกว่า 2.5% ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยและกลับเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยกว่า 58,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จากผลการประมูลพันธบัตร พบว่า ทั้งตั๋วเงินคลัง อายุ 28 วัน และพันธบัตร ธปท. อายุ 92 และ 182 วัน ได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล รุ่น Benchmark อายุ 15 ปี ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ที่มีความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขายถึง 4.75 เท่า (BCR Ratio) ส่งผลให้ Yield ของการประมูลต่ำ (ราคาสูง) และทำให้ Yield ของพันธบัตรรุ่นใกล้เคียงลดต่ำลงตามไปด้วย จากผลการประมูลดังกล่าว บวกกับแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ มีส่วนทำให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น (Yield ลดลง) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ