หุ้น NWR อยู่ที่ 1.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท(+1.10%)มูลค่าซื้อขาย 18.13 ล้านบาท
หุ้น STEC อยู่ที่ 20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท(+1.01%)มูลค่าซื้อขาย 168.91 ล้านบาท
หุ้น SYNTEC อยู่ที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท(+1.24%)มูลค่าซื้อขาย 1.39 ล้านบาท
หุ้น UNIQ อยู่ที่ 14.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท(+0.70%)มูลค่าซื้อขาย 32.07 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทสไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า จากที่กระทรวงคมนาคมลำเลียงโครงการชง ครม.ล่าสุดดันมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา 84.6 พันล้านบาท และบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี 55.6 พันล้านบาท จ่อคิวรอเคาะแล้ว ต่อด้วยรถไฟฟ้า 3 สาย คือ ชมพู มูลค่า 56 พันล้านบาท เหลือง 54 พันล้านบาท และส้ม 106.7 พันล้านบาท พร้อมทางคู่ 1 เส้นทางจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 26 พันล้านบาท เสนอไม่เกิน 15 เม.ย.นี้
ผลกระทบ หากทำได้จริงจะเป็นบวก เพราะในภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทยได้คาดหวังเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐเป็นเครื่องยนต์สำคัญต่อความหวังต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ หลังจากเครื่องยนต์ การส่งออกและการบริโภคต่างชะลอลง ทำให้สำนักเศรษฐกิจต่างๆพากันปรับลดเป้า GDP ในปีนี้ อีกทั้งหลักทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลงกันรุนแรง จากความกังวลว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างประมูลงานได้น้อยลงกว่าที่ประมาณการกันไว้
หลักทรัพย์ผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่จะมีความได้เปรียบในเรื่องการประมูลงานขนาดใหญ่ได้ เพราะมีความพร้อมด้านทุนจดทะเบียน การเงิน และประสบการณ์ รวมทั้งผลงานที่ผ่านมา คาดว่าหาก ครม.มีการผ่านมติให้มีการเปิดประมูลงานขนาดใหญ่ ก็จะทำให้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง
Top Pick หลักทรัพย์ผู้รับเหมาฯ ขนาดใหญ่ คือ บมจ.ช.การช่าง(CK) ราคาพื้นฐาน 33.00 บาท ส่วน บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น(STEC) แม้แนะนำ ถือ ราคาพื้นฐาน 26.00 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงมากไป ทำให้กลับมามี upside 31% จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
ส่วนผู้รับเหมาขนาดเล็กที่เป็น Top Pick คือ บมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น(SYNTEC) ราคาพื้นฐาน 4.15 บาท และเก็งกำไรคือ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR)ราคาพื้นฐาน 2.49 บาท