ก.ล.ต.เผยมีผู้สนใจ Funding Portal ราว 10 รายหลังออกเกณฑ์ Crowdfunding

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 25, 2015 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนผ่าน Crowdfunding ในลักษณะของการออกเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (equity - based) ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อ 16 พ.ค. 58 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้ที่สนใจเป็นตัวกลางบนระบบอินเทอร์เน็ต (Funding Portal) หลายรายทั้งบริษัทในและต่างประเทศ เข้ามาหารือก.ล.ต. เพื่อจัดตั้งเป็น Funding Portal ประมาณ 10 ราย ซึ่งหลักเกณฑ์สำหรับผู้ที่จะเป็น Funding Portal นั้นจะต้องมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ผ่านมาก.ล.ต.ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการส่งเสริมและให้ความรู้แก่ธุรกิจ SMEs จำนวนเกือบ 1,600 ราย ให้เห็นโอกาสในการใช้ equity-based crowdfunding
สำหรับ Crowndfunding เป็นการระดมทุนจากประชาชนรายย่อยจำนวนมากผ่าน Funding Portal โดยแต่ละคนลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก จึงได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เพราะสามารถตอบโจทย์ธุรกิจเกิดใหม่ และธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ในขณะที่ผู้ลงทุนจะมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น
"ทุนจดทะเบียนของ Portal 5 ล้านบาท ในการทำ equity-based crowndfunding มองว่าไม่น้อยเกินไป และก็ไม่เป็นภาระกับ Portal แต่ละรายมาก จริงๆแล้วตอนทำ Hearing มากกว่า 5 ล้านอีก แต่มีโบรกและคนในวงการมาช่วยกันคิดว่า 5 ล้านบาทพอแล้ว ส่วน crowndfunding ประเภทอื่นก.ล.ต.ก็ได้ศึกษาอยู่ อย่างเช่น Bond ก็เป็นประเภทที่น่าสนใจ แต่ตอนนี้ยังไม่เปิด ที่ทำ Equity เพราะเรามองว่าเป็นสิ่งใหม่และมีความน่าสนใจ แม้ว่ามันยังโตน้อยสุดถ้าเทียบกับ crowndfunding ประเภทอื่น เพราะมันมาที่หลัง"นางทิพยสุดา กล่าว

นางทิพยสุดา กล่าวว่า สำหรับการลงทุนแบบออนไลน์ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Robo-advisors)นั้น ปัจจุบันก.ล.ต.อยู่ระหว่างการศึกษา และคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าได้ภายในปีนี้ โดย Robo-advisors เป็นการให้คำแนะนำในการจัดพอร์ตการลงทุนแบบออนไลน์โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2 แบบ คือ แบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ 100% และแบบผสมที่ยังใช้คน ซึ่งช่วยให้การประกอบธุรกิจให้คำแนะนำการลงทุนสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่เคยรู้จักการวางแผนการเงิน หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการวางแผนทางการเงินได้โดยเฉพาะลูกค้าระดับรายได้น้อย เพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้บริการ จะทำให้ต้นทุนต่ำลงและสามารถคิดค่าบริการในอัตราที่ต่ำลงได้ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ