(เพิ่มเติม) S ตั้งงบปี 59 ที่ 1.88 หมื่นลบ.เน้น M&A,หวังพลิกกำไรปีนี้-เล็งตั้ง REIT

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 11, 2016 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า ในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุน 1.88 หมื่นล้านบาท ตามแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัทที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Hospitality มากที่สุดไว้ที่ 8 พันล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจที่พักอาศัย 5.1 พันล้านบาท และอีก 5.7 พันล้านบาท ใช้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก คลังสินค้าและโลจิสติกส์

ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) เหมือนปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถสรุปดีล M&A ได้ราว 6-7 ดีลในปีนี้ จากที่เจรจาทั้งหมด 10 ดีลทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจค้าปลีก 2 ดีล, ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้าและโลจิสติกส์ 2 ดีล

นายนริศ กล่าวว่า ดีล M&A ที่บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วที่สุดในอีกไม่นานนี้ คือ ดีลซื้อกิจการโรงแรม 1 ดีล และดีลซื้อกิจการที่เกียวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ 2 ดีล ซึ่งบริษัทสามารถลงทุนเองได้ทั้งหมดหรือการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยในส่วนของธุรกิจโรงแรมยังมีเป้าหมายในต่างประเทศ อย่างเช่นในอังกฤษ และยุโรป หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโลก

ทั้งนี้ หากมีดีลขนาดใหญ่เกิดขึ้นและความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินของบริษัทเต็มอัตราแล้วนั้น บริษัทคาดว่าอาจจะใช้แนวทางการเพิ่มทุน ซึ่งเป็นแนวทางการระดมเงินทุนที่บริษัทสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินได้ในระดับสูง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.9 เท่า และนโยบายของบริษัทจะพยายามควบคุมให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 เท่า

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทคาดหวังจะสามารถพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่คาดว่าจะยังขาดทุนอยู่ หลังจากช่วง 9 เดือนแรกปี 58 มีผลขาดทุนสุทธิ 179.79 ล้านบาท ขณะที่ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนจำนวนมาก และยังไม่มีรายได้เข้ามามากนัก ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ แต่ในปีนี้จะรับรู้กำไรจากการลงทุนเครือโรงแรมเมอร์เคียวในสหราชอาณาจักร 26 แห่งเข้ามาเต็มปีราว 800 ล้านบาท และเชื่อว่าจะมีรายได้ของธุรกิจในประเทศเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในกระบี่และสมุยที่ผลการดำเนินงานฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรายได้จากบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นมากกว่า 50% เข้ามาประมาณ 3-4 พันล้านบาท

บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายในปีนี้แตะระดับ 7 พันล้านบาท โดยประมาณ 50% จะมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยของเนอวานา และอีก 50% จะมาจากรายได้ค่าเช่าโรงแรมและอาคารสำนักงานตึกซัน ทาวเวอร์ ที่ปัจจุบันมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500 บาท/ตารางเมตร/เดือน

อีกทั้งในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ ย่านประดิษฐ์มนูธรรม มูลค่า 4 พันล้านบาท โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ คอนโดมิเนียม มูลค่า 4 พันล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม River Front Condominium by Nirvana มูลค่า 6 พันล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนของเนอวานา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน โดยบริษัทตั้งงบซื้อที่ดินปีนี้ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งรวมอยู่ไนงบลงทุนรวมของปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.88 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่ากองไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดตั้งได้ในช่วงปลายปีนี้ สินทรัพย์ที่จะนำเข้ามาจัดตั้งในเบื้องต้น คือ โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโรงแรมที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพัก (OCC) 100% จากปีก่อนอยู่ที่ 80% ส่วนในปีถัดไปจะพิจารณานำโรงแรมสันติบุรี บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา สมุย ขายเข้ากองดังกล่าวอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ