โบรกเกอร์เห็นพ้องเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ธุรกิจเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายของสาขาเดิม และมีการเปิดสาขาใหม่ในแต่ละปี โดยปีนี้เล็งเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 700 สาขา สำหรับการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมปีนี้คาดว่าจะแข็งแกร่งประมาณ 2-2.5%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 ประมาณ 3,722-3,900 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากยอดขายสาขาเดิม และสาขาที่เปิดใหม่ในไตรมาส 2/59 กว่า 100 สาขา ทำให้สาขาของ CPALL มีเกือบ 9,200 สาขาในไตรมาส 2/59
สำหรับกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15,215-16,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 13,682 ล้านบาท โดยปีนี้กำไรโตดีมาจากยอดขายของสาขาเดิมที่กลับมาดีกว่าปีที่แล้ว และยังมีการเปิดสาขาใหม่ รวมทั้งเป็นผลจากการ roll-over หุ้นกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ สำหรับการลงทุนใน MAKRO ปีนี้คงจะมีกำไรที่ชะลอตัว อันเป็นผลจากการแข่งขันสูง-มาร์จิ้นหด
ราคาหุ้น CPALL ปิดเช้านี้บวก 1 บาท มาอยู่ที่ 52.25 บาท นับแต่ต้นปีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแล้วราว 33% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นราว 13.4%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อเก็งกำไร 55 กรุงศรี ซื้อ 60 เคทีบีฯ ซื้อ 68 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเก็งกำไร 62.50 เออีซี ซื้อลงทุน 55น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ CPALL ในปีนี้ยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 16,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้ว เป็นผลจากยอดขายของสาขาเดิมที่กลับมาดีกว่าปีที่แล้ว และยังมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นด้วย โดยมีปีนี้คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 700 สาขา ซึ่งในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะมีสาขาใหม่กว่า 100 สาขา ทำให้สาขาของ CPALL มีเกือบ 9,200 สาขาในไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มี 9,043 สาขา
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 ของ CPALL ประมาณ 3,900 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม และสาขาที่เปิดใหม่
สำหรับกรณีการลงทุนในบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ก็ถือได้ว่าเป็นตัวเสริมกำไรให้กับ CPALL ได้ เพียงแต่ปีนี้กำไรอาจชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้มาร์จิ้นลดลง แต่ในระยะยาวเชื่อว่าธุรกิจดี และสามารถเป็นตัวเสริมให้กับ CPALL ได้
ด้านผลตอบแทนจากเงินปันผลของ CPALL มีประมาณ 2% ถือว่าไม่สูง และเป็นการจ่ายปีละครั้ง โดยในปีที่แล้ว จ่ายปันผล 0.90 บาท/หุ้น และในปีนี้คาดว่าจะจ่ายปันผลราว 1 บาท/หุ้น
ส่วนนายวรพงศ์ ตันติวุฒิพงศ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวแนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL ด้วยราคาเป้าหมาย 60 บาท/หุ้น โดยมองว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (same-store sales growth:SSSG) ปีนี้แข็งแกร่งมีประมาณ 2.5% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 1.1% แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้คนเดินทางน้อยลง และหันไปซื้อของใกล้บ้านมากขึ้น
ขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะมี 15,800 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 15.7% จากปีก่อน โดยหลัก ๆ มาจากการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งในปีนี้คาดว่าน่าจะเปิดสาขาใหม่ประมาณกว่า 700 สาขา โดยในไตรมาส 1/59 เปิดสาขาไปแล้ว 200 สาขา และในไตรมาส 2/59 เปิดสาขาอีก 140-160 สาขา
สำหรับกรณีการลงทุนใน MAKRO นั้นคาดว่ากำไรที่ CPALL จะได้รับกลับมาในปีนี้ไม่ดีมาก เนื่องจาก MAKRO รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอ อย่างไรก็ดี หากมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งในประเทศ ก็คาดว่าการบริโภคจะดีขึ้นด้วย เนื่องจากในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ภาครัฐฯมักจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ทำให้การบริโภคดีขึ้นไปด้วย
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CPALL ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง และคาดกำไรไตรมาส 2/59 เติบโตต่อเนื่องทั้งยอดขายและกำไร โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 2/59 จะอยู่ที่ 3,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมองแนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมยังโตต่อเนื่องได้ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ยังเป็น pure domestic play ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการลงประชามติของอังกฤษที่จะออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) ที่ทรงตัวในระดับต่ำจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
พร้อมปรับประมาณการกำไรของ CPALL ปีนี้ขึ้นเล็กน้อยเป็น 15,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อน เป็นผลจากการ roll-over หุ้นกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 68 บาท