PJW พับแผนลงทุน AEC หันมุ่งเน้นขยายธุรกิจในจีนเป็นหลักตั้งงบ 400-500 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 6, 2016 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัทชะลอแผนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ไปก่อนในช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากบริษัทยังมองเห็นศักยภาพการเติบโตในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังมีโรงงานในมณฑลเทียนจินเพียงแห่งเดียว

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายการลงทุนในจีนทั้งการลงทุนเอง ร่วมลงทุน และการเข้าซื้อกิจการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจาหลายดีล แต่ยังไม่สามารถบรรลุแผนได้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ตั้งงบการลงทุนไว้เบื้องต้นที่ 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ และจากเงินกู้บางส่วน โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.3-1.4 เท่า ขณะที่มีเป้าหมายควบคุมให้ไม่เกิน 2 เท่า

"ช่วงที่ผ่านมาเราได้เข้าไปศึกษาใน AEC มาแล้ว แต่พอเรามามองถึงที่ที่มีศักยภาพก็ยังเป็นในประเทศจีน ที่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคก็ยังขยายตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งปัจจุบันเรามีโรงงานเพียงในมณฑลเดียว ยังมีอีกหลายๆมณฑลที่เราสามารถขยายไปได้ ซึ่งเราหวังว่าในปี 61-62 สัดส่วนรายได้จากจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่เพียง 7%"นายวิวรรธน์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 8-10% ซึ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/58 มาจนถึงปีนี้ ทั้งจากลูกค้าทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปลี่ยนแบบในตลาดบรรจุภัณฑ์ และงานนิวโมเดลของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิทั้งปีนี้คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ 6.31% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.61% เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี ประกอบกับ โรงพ่นสีเริ่มสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าโรงพ่นสีจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 60 จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นอีก

"ช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากแนวโน้มการบริโภคที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเนื่องธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลดีจากการออกโมเดลใหม่ของค่ายยานยนต์ต่างๆ และในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นโดยปกติอยู่แล้ว"นายวิวรรธน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ