(เพิ่มเติม) BEAUTY วางเป้ารายได้ทำนิวไฮต่อเนื่องช่วง 5 ปีจากนี้ เปิดสนง.พร้อมศูนย์ฝึกอบรมใหม่หนุนโตก้าวกระโดด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 19, 2016 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) คาดว่าผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรสุทธิในระยะ 5 ปีจากนี้ (ปี 59-63) จะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้รายได้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% จากช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทำได้ราว 23.96%

การเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้มาจากยอดขายในประเทศ ทั้งยอดขายสาขาเดิมและการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ สมาชิกที่มีอยู่ที่ 1.8-1.9 ล้านรายนั้น สัดส่วนมากกว่า 50% มีรายการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน จากก่อนหน้านี้ที่ขยายไปใน CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถรองรับการเติบโตในอนาคต

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า BEAUTY ยังคงมีความมุ่งมั่นและเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีคุณภาพทั้งด้านการขายและการบริการ พร้อมทั้งรักษามาตรฐานของสินค้าให้ดีมีคุณภาพอยู่เสมอ รวมทั้งปรับปรุงระบบ IT และ CRM เพื่อเพิ่มยอดขายของร้าน BEAUTY BUFFET BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET สาขาเดิมให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายสาขาให้ครอบคลุมให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อผลักดันให้ทุกแบรนด์มีการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade,Traditional Trade และเน้นการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเลือกซื้อสินค้าทุกประเภทมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา BEAUTY ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ ผ่าน Facebook และเว็บไซต์ต่างๆ พบว่ามีกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงวางเป้าหมายที่จะรุกตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีรายได้เติบโตก้าวกระโดด

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านช่องทาง Digital Maketing โดยจัดทำ Content วีดีโอคลิป และโปรโมชั่นต่างๆผ่านช่องทางสื่อดิจิตอล มีเดียและโซเชียล มีเดีย เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้เกิดพฤติกรรมการชักชวนเพื่อน และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อมากขึ้น

บริษัทยังเน้นจับเทรนด์สินค้าที่มีความนิยมในช่วงนั้น โดยหากในช่วงนั้นสินค้าเกาหลีเป็นที่สนใจ บริษัทก็จะดำเนินการจ้างบริษัทในเกาหลีเป็นผู้ผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพสินค้าเทียบเท่าสินค้าในเกาหลี หรือหากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ก็จะว่าจ้างบริษัทในญี่ปุ่นผลิตสินค้า ทำให้สามารถสู้กับสินค้าที่นำเข้าจากเกาหลีและญี่ปุ่นได้

"ด้วยสูตรของสินค้า รวมถึงการไปใช้บริษัทในประเทศนั้น ๆ เป็นผู้ผลิตจะยิ่งเพิ่มคุณภาพให้กับสินค้าของบริษัท และคาดว่าจากการจับกระแสของตลาดได้ จะช่วยให้บริษัทมียอดขายในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนต่อการเติบโตของบริษัทในระยะยาว"นพ.สุวิน กล่าว

ขณะที่บริษัทมีแผนการขยายสาขาในประเทศของ SHOP BRAND ต่างๆออกไปตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าปีนี้ BEAUTY BUFFET เปิดเพิ่ม 30 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 257 สาขา โดยปัจจุบันมี 241 สาขา และ BEAUTY COTTAGE เปิดสาขาเพิ่ม 15 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 85 สาขา โดยปัจจุบันมี 71 สาขา ส่วนสาขาต่างประเทศ ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 11 สาขา จากปัจจุบันมี 39 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม 28 สาขา กัมพูชา 7 สาขา ลาว 2 สาขา และพม่า 2 สาขาซึ่งการขยายสาขาต่างประเทศจะเป็นการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย

พรัอมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางรายใหญ่ มีจำนวนสาขากว่า 86 สาขา ในประเทศฮ่องกง และ 16 สาขาในประเทศไต้หวัน เพื่อเซ็นสัญญาแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/59

นพ.สุวิน กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทขยายพื้นที่สร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการภายในรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยได้เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มิ.ย.59 ภายใต้ชื่ออาคาร BEAUTY 2 ประกอบด้วย สำนักงานและศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน หอพักพนักงาน ห้องสาธิตการแต่งหน้า ศูนย์ดิจิตอล มัลติมีเดีย และคลังสินค้า เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้ และเป็นแหล่งศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรทุกระดับในทุกๆด้าน

อาคาร BEAUTY 2 มีทั้งหมด 3 อาคารบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 8,152 ตารางเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 170 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO มาใช้ในการก่อสร้าง

สำหรับงบลงทุนปี 59 บริษัทตั้งงบไว้ที่ 190 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเปิดสาขาใหม่ 100-110 ล้านบาท และใช้ในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต 70-80 ล้านบาท (จ่ายส่วนที่เหลือจากปีที่แล้ว) พร้อมทั้งนำไปพัฒนาและสร้างแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ